วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อวตาร Avatars



จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

"ทศาวตาร" หรือ "นารายณ์สิบปาง" หรือ อวตารทั้งสิบของพระวิษณุ ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ลัทธิไวษณพนิกาย (นับเวียนตามเข็มนาฬิกา) มัตศยาวตาร (ปลา), กูรมาวตาร (เต่า), วราหาวตาร (หมูป่า), วามนาตาร (พราหมณ์ค่อม), กฤษณาวตาร (พระกฤษณะ), กัลกยาวตาร (อัศวินม้าขาว), พุทธาวตาร (พระศากยโคดมพุทธเจ้า), ปรศุรามาวตาร (รามผู้ถือขวาน), รามจันทรวาตาร (พระราม), นรสิงหาวตาร (นรสิงห์, คนครึ่งสิงห์) ส่วนรูปตรงกลางเป็นรูปพระกฤษณะและเหล่าสาวก


อวตาร (-ตาน หรือ -ตาระ) (สันสกฤต: अवतार, avatāra) คือการแบ่งภาคมาเกิดบนโลกมนุษย์ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู โดยเทพแบ่งพลังงานส่วนหนึ่งลงมาเกิดเป็นมนุษย์หรือสัตว์ เพื่อทำหน้าที่อย่างหนึ่งอย่างใด ในลัทธิไวษณพนิกาย ถือว่าเมื่อศีลธรรมของมนุษย์เสื่อมลง จนเกิดความเดือดร้อนไปทั่ว พระนารายณ์จะอวตารลงมาปราบยุคเข็ญ

เนื้อหา
1 นารายณ์สิบปาง
2 อวตารกับวัชรยาน
3 อวตารกับเถรวาท
4 อ้างอิง


นารายณ์สิบปาง
คัมภีร์ปุราณะกล่าวถึงอวตารของพระนารายณ์จำนวนสิบปางคือ มัตสยาวตาร กูรมาวตาร วราหาวตาร นรสิงหาวตาร วามนาวตาร ปรศุรามาวตาร รามาวตาร กฤษณาวตาร พุทธาวตาร กัลกยาวตาร ส่วนคัมภีร์อื่นระบุจำนวนการอวตารต่างไป คัมภีร์ภควัตปุราณะกล่าวว่ามี 22 ปาง บางแห่งกล่าวว่าพระนารายณ์จะอวตารลงมาเรื่อยๆไม่ขาดสาย บุคคลที่ทำประโยชน์แก่โลก บางครั้งถือเป็นอวตารของพระนารายณ์ด้วย

อวตารกับวัชรยาน
ความเชื่อของชาวพุทธที่นับถือนิกายวัชรยาน ถือว่าพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์อวตารหรือแบ่งภาคได้เช่นเดียวกันเช่น อาทิพุทธะอวตารมาเป็นพระธยานิพุทธะ พระโพธิสัตว์อวตารเป็นยิดัม นอกจากนี้ชาวพุทธในทิเบตเชื่อว่า ทะไล ลามะ เป็นอวตารของพระอวโลกิเตศวรและปันเชน ลามะเป็นอวตารของพระอมิตาภะพุทธะ เป็นต้น

อวตารกับเถรวาท
ในความเชื่อของชาวพุทธนิกายเถรวาท จะไม่เชื่อว่าการอวตารมีจริง เพราะจิตนั้นมีดวงเดียว (ตามบทที่ว่า เอกะ จะรัง จิตตัง...) เพียงแต่เกิดดับตลอดเวลา เมื่อจิตนั้นเกิดเป็นเทพเจ้าไม่ว่าชั้นใดๆ หากแปลงกายเป็นมนุษย์ (เนรมิตขึ้นมาชั่วประเดี๋ยวประด๋าว เช่น พระอินทร์แปลงเป็นพราหมณ์แก่) โดยจิตเดิมยังอยู่เป็นเทพเจ้าบนสวรรค์นั้น มีจริง แต่การที่จิตนั้นลงมาเกิดอวตารเป็นมนุษย์ โดยการอยู่ในครรภ์ คลอดออกมา เจริญเติบโตเล่าเรียนรู้เลยทั้งๆ ที่ยังมีจิต (เหมือนกัน ดวงเดียวกัน) อีกดวง ยังเป็นเทพเจ้าบนสวรรค์นั้นเป็นไปตามความจริงไม่ได้ ตามหลักที่ปรากฏในพระอภิธรรม


อ้างอิง
คอมมอนส์ มีภาพและสื่ออื่นๆ เกี่ยวกับ:
อวตารพจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. พิมพ์ครั้งที่ 2. ราชบัณฑิตยสถาน. 2548. หน้า 78-79.

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว Thailand Rice Bran Oil





น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว Rice Bran and Germ Oil

ข้าวขาวที่เรานิยมบริโภคเป็นอาหารหลักประจำวัน เป็นข้าวที่ผ่านการขัดสีเอาเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวหรือที่เรียกว่ารำข้าวและจมูกข้าว ซึ่งอุดมคุณค่าสารอาหารรวมถึงวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมากมาย ออกไปหมดอย่างน่าเสียดาย ดังนั้นจึงต้องทำการสกัดรำข้าวและจมูกข้าว ด้วยกระบวนการพิเศษภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากสี เพื่อให้ได้น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว (Crude Rice Bran and Germ Oil) ซึ่งสามารถคงคุณค่าของสาระสำคัญที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพไว้ได้อย่างครบถ้วน



รำข้าวและจมูกข้าวเป็นส่วนประกอบของเมล็ดข้าวเพียง 10% นอกนั้นเป็นสารจำพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต การนำรำข้าวและจมูกข้าว 10% ดังกล่าว มาสกัด จะได้น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวที่เข้มข้นเพียง 16 % เท่านั้น

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว มีคุณสมบัติที่เด่น คือ สามารถลดโคเลสเตอรอลที่ไม่ดี (Low Density Lipoprotein Cholesterol: LDL-C) และเพิ่มโคเลสเตอรอลที่ดี (High Density Lipoprotein Cholesterol: HDL-C)

เนื่องจากน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดียว (Monounsaturated Fatty Acid: MUFA) สูงกว่า 40 % ของปริมาณกรดไขมันทั้งหมด ซึ่ง MUFA นี้ เป็นตัวช่วยลดโคเลสเตอรอลที่ไม่ดี และยังสามารถเพิ่มหรือคงระดับโคเลสเตอรอลที่ดีได้อีกด้วย

คุณค่าของน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว

1. ลดโคเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ในร่างกาย
สารธรรมชาติในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวหลายชนิด ได้แก่ แกมม่า-โอไรซานอล, วิตามินอี-กลุ่มโทโคไตรอีนอล, ไฟโตสเตอรอล และกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 9-6-3 มีส่วนช่วยลดโคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) รวมทั้งไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) ในร่างกาย นอกจากนั้น แกมม่า-โอไรซานอล ยังช่วยคงระดับหรือเพิ่มโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ในร่างกายอีกด้วย



จากหลักฐานในประเทศจีนพบว่า มนุษย์รู้จักปลูกข้าวเพื่อเป็นอาหารมาไม่น้อยกว่า 1,000 ปีโดยนำข้าวมาขัดสีจนเหลือแต่แป้งไว้เพื่อบริโภคส่วนที่หายไปคือ

รำข้าวและจมูกข้าว

ซึ่งเป็นส่วนที่อุดมด้วยคุณค่าของสารอาหารวิตามินและแร่ธาตุบำรุง ให้คุณประโยชน์สูงสุดกับร่างกาย




2. ป้องกันโรคหัวใจและโรคร้ายที่เกิดจากหลอดเลือดตีบตัน
โคเลสเตอรอล เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหลอดเลือดแข็งตัว และตีบตัน การลดโคเลสเตอรอล จึงช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากการตีบตันของหลอดเลือดได้ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย หลอดเลือดตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น

3. ป้องกันโรคมะเร็ง
น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว นับเป็นน้ำมันที่มีสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติสูงที่สุดชนิดหนึ่ง ได้แก่ วิตามินอี-กลุ่มโทโคฟีนอล และกลุ่มโทโคไตรอีนอล แกมม่า-โอไรซานอล และไฟโตสเตอรอล ซึ่งอนุมูลอิสระ (Free Radicals) เป็นสาเหตุสำคัญ ของการเกิดโรคมะเร็ง

4. รักษาสมดุลระบบประสาท และบำรุงสมอง
วิตามินอีคอมเพล็กซ์ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว มีคุณสมบัติช่วยรักษาสมดุลของระบบประสาท บำรุงสมอง เสริมความจำ ป้องกันโรคสมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์

5. ปรับสมดุลของระบบฮอร์โมนในสตรีวัยทอง
มีงานวิจัย ยืนยันคุณค่าของแกมม่า-โอไรซานอล ที่ช่วยปรับสมดุลของระบบสตรีวัยทอง และช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ (Hot Flashes) ได้

6. บำรุงผิวพรรณ
น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว มีสารอาหารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณหลายชนิด เช่น วิตามินอีคอมเพล็กซ์ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยให้ความชุ่มชื้น ยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง ลดเลือนริ้วรอย ต้านทานรังสี UV ช่วยป้องกัน การเกิดกระ ฝ้า จุดด่างดำ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส และที่สำคัญ แสควลีน เป็นสารไวท์เทนนิ่ง ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น

7. อุดมคุณค่าสารอาหารนานาชนิดที่ช่วยบำรุงร่างกาย
น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว อุดมด้วยคุณค่าของสารอาหารนานาชนิด เช่น กรดอะมิโน สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุ ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และช่วยบำรุงร่างกาย






จากหลักฐานในประเทศจีนพบว่า มนุษย์รู้จักปลูกข้าวเพื่อเป็นอาหารมาไม่น้อยกว่า 1,000 ปีโดยนำข้าวมาขัดสีจนเหลือแต่แป้งไว้เพื่อบริโภคส่วนที่หายไปคือ

รำข้าวและจมูกข้าว

ซึ่งเป็นส่วนที่อุดมด้วยคุณค่าของสารอาหารวิตามินและแร่ธาตุบำรุง ให้คุณประโยชน์สูงสุดกับร่างกาย



2. ป้องกันโรคหัวใจและโรคร้ายที่เกิดจากหลอดเลือดตีบตัน
โคเลสเตอรอล เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหลอดเลือดแข็งตัว และตีบตัน การลดโคเลสเตอรอล จึงช่วยป้องกันโรคที่เกิดจากการตีบตันของหลอดเลือดได้ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย หลอดเลือดตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น

3. ป้องกันโรคมะเร็ง
น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว นับเป็นน้ำมันที่มีสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติสูงที่สุดชนิดหนึ่ง ได้แก่ วิตามินอี-กลุ่มโทโคฟีนอล และกลุ่มโทโคไตรอีนอล แกมม่า-โอไรซานอล และไฟโตสเตอรอล ซึ่งอนุมูลอิสระ (Free Radicals) เป็นสาเหตุสำคัญ ของการเกิดโรคมะเร็ง


4. รักษาสมดุลระบบประสาท และบำรุงสมอง
วิตามินอีคอมเพล็กซ์ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว มีคุณสมบัติช่วยรักษาสมดุลของระบบประสาท บำรุงสมอง เสริมความจำ ป้องกันโรคสมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์


5. ปรับสมดุลของระบบฮอร์โมนในสตรีวัยทอง
มีงานวิจัย ยืนยันคุณค่าของแกมม่า-โอไรซานอล ที่ช่วยปรับสมดุลของระบบสตรีวัยทอง และช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ (Hot Flashes) ได้


6. บำรุงผิวพรรณ
น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว มีสารอาหารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณหลายชนิด เช่น วิตามินอีคอมเพล็กซ์ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยให้ความชุ่มชื้น ยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง ลดเลือนริ้วรอย ต้านทานรังสี UV ช่วยป้องกัน การเกิดกระ ฝ้า จุดด่างดำ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส และที่สำคัญ แสควลีน เป็นสารไวท์เทนนิ่ง ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น


7. อุดมคุณค่าสารอาหารนานาชนิดที่ช่วยบำรุงร่างกาย
น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว อุดมด้วยคุณค่าของสารอาหารนานาชนิด เช่น กรดอะมิโน สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุ ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และช่วยบำรุงร่างกาย




รายงานจากการประชุมใหญ่ทางวิชาการ ซึ่งสนับสนุนโดย
สมาคมหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association)
กล่าวรายงานผลของน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ที่สามารถลดโคเลสเตอรอล
ชนิดร้าย (LDL) ที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ถึง 30% โดยไม่ทำให้โคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ลดลงจึงช่วยป้องกันการเกิดหัวใจวายได้


ข้าวนับว่าเป็นธัญพืชที่มีคุณค่าอยู่บนทุกอณูของเมล็ด ทั้งเนื้อข้าว รำข้าว และ จมูกข้าว เพียงแต่เราควรกินข้าวให้ครบทุกส่วนของเมล็ด เพื่อชีวิตที่แข็งแรง สดใส ห่างไกลจากโรคร้ายต่าง ๆ และมีสุขภาพดีอายุยืนยาว

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวชนิดแคปซูล (Crude Rice Bran and Germ Oil)
สกัดจากรำข้าวและจมูกข้าว ด้วยกระบวนการพิเศษเพื่อให้ได้น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ซึ่งยังคงคุณค่าของสารอาหารสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพไว้อย่างครบถ้วน

วิตามินและสารอาหาร ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว



แกมม่า-โอไรซานอล (Gamma-Oryzanol)
- ช่วยลดโคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) และลดระดับไตรกลีเซอไรด์
- เพิ่มโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
- ลดอัตราเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแข็งตัวตีบตัน
- เป็นสารต้านอนุมูลอิสระฤทธิ์แรง และช่วยป้องกันรังสี UV
วิตามินอีคอมเพล็กซ์ (มี โทโคไตรอีนอล-Tocotrienol)

- ช่วยลดโคเลสเตอรอลอันตราย (LDL) และไตรกลีเซอไรด์
- ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์
- ช่วยให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น สดใส ลดริ้วรอย ให้ผิวดูอ่อนวัย

สแควรีน (Squalene)
สารกลุ่มเซราไมด์เป็นส่วนประกอบของชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหนังยืดหยุ่น ชุ่มชื้น เรียบเนียน ลดริ้วรอย ป้องกันรังสี UV จากแสงแดด และช่วยปรับสภาพให้ผิว
ดูขาวกระจ่างใส

ฟอสโฟไลปิด (Phospholipid)
- สารกลุ่มเลซิติน (Lecithin) เป็นส่วนสำคัญในการนำไปสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลประสาท และสมอง
- ช่วยเสริมสร้างความจำ ลดความเครียด

กรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) หรือโอเมก้า 6
- ลดโคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) และเพิ่มโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
- ลดอาการปวดอักเสบ เช่น โรคข้อรูมาตอยด์
- ลดอาการแทรกซ้อนทางประสาท เช่น อาการชาปลายมือปลายเท้า
- มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านความเสื่อมของเซลล์

กรดแอลฟา-ไลโนเลอิก (Alpha-Linoleic Acid) หรือโอเมก้า 3
- ลดไตรกลีเซอร์ไรด์
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด และลดความดันโลหิต
- เสริมสร้างความจำ บำรุงสมองและสายตาให้ทำงานได้ดีขึ้น


สเตอรอลจากพืช (Phytosterol)
ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลรวม และโคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) โดยยับยั้งการดูดซึมของโคเลสเตอรอลจากทางเดินอาหาร และเพิ่มการขับทิ้งไปกับอุจจาระ

เอ็นไซม์และสารต้านอนุมูลอิสระ (Enzymes and Antioxidants)
- ช่วยในการขจัดพิษจากตับ
- ป้องกันมะเร็ง

กรดอะมิโน (Amino Acids)
อุดมด้วยกรดอะมิโนหลากหลายชนิด เช่น อาร์จีนีน ทริปโตแฟน ซีสเตอีน ช่วยเสริมสุขภาพและบำรุงร่างกาย

กรดโอเลอิก (Oleic Acid) หรือโอเมก้า 9
ลดไขมันโคเลสเตอรอลรวม

วิตามิน บี คอมเพล็กซ์ (Vitamin B Complex)
- บำรุงหัวใจ บำรุงสมอง บำรุงผมและเล็บ
- ลดความเครียด ความเหนื่อยล้า ช่วยให้นอนหลับสบาย

แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) และโปรวิตามิน เอ
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา
- บำรุงผมและเล็บ

แร่ธาตุ (Minerals)
ได้แก่ โครเมียม แมกนีเซียม แมงกานีส สังกะสี ซีลีเนียม เหล็ก โปแตสเซียม ซึ่งจำเป็นในการทำงานของหัวใจ ประสาท และระบบสมองและอวัยวะอื่น ๆ

กรดไขมันที่เหมาะสมเพื่อสุขภาพ
น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวมีสัดส่วนกรดไขมันในปริมาณที่สมดุล เหมาะต่อการบริโภค
ที่สุด ตามข้อแนะนำของ
องค์การอนามัยโลก
(World Health Organization: WHO)
สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา
(The American Heart Association: AHA)
องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ
(Food and Agriculture Organization of the United Nations: FAO)

คือ กรดไขมันอิ่มตัว : กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว : กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน
เท่ากับ 10 : 10-15 : น้อยกว่า 10 ของพลังงานที่ได้รับต่อวัน

ซึ่งสัดส่วนกรดไขมันที่เหมาะสมนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และหลอดเลือด




สมัครสมาชิกอมตะ ได้ซื้อสินค้าราคาลดพิเศษและได้ของแท้จากบริษัทโดยตรง ได้ธุรกิจแฟรนไชส์ เน็ตเวิร์ค อีคอมเมิร์ช ลงทุนหลักร้อย มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็ขยายธุรกิจได้ เพราะขยายด้วยเว็บไซต์ที่ทำงานแทนเรา 24 ชั่วโมง ติดต่อสมัครสมาชิกอมตะ ตามเบอร์โทร 080-441-3343 หรือ สมัคร Online คลิกรูปด้านล่างค่ะ


สุดยอดวิธีการทำเงินออนไลน์ในยุคดิจิตอล

วิธีหาเงินออนไลน์ บนโลกไซเบอร์นี้ที่ได้จริงๆ และถูกต้องแน่นอน ว่าคนที่รวยด้วยอินเตอร์เน็ต หรือ หาเงินทางเน็ต เขาทำกันอย่างไรรับรองไม่ใช่พวกขายตรงแน่นอนครับ มีระดับตั้งแต่เดือนละ $1,000 ถึงระดับมืออาชีพคือ หลายแสนดอลล่าร์ต่อเดือน ....มาศึกษาวิธีที่ถูกต้องกันดีกว่า เพื่อจะได้ใช้เวลาที่เล่นเน็ตให้เกิดประโยชน์ครับ

1. สร้างเว็บไซต์ขึ้นมาแล้วก็โปรโมตให้ดังกระฉ่อน เมื่อดังแล้วเงินก็มาเอง โดยที่นั่ง ๆ นอน ๆ ทำงานวันละไม่กี่ชั่วโมง แต่แน่นอน ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ ช่วงแรกจะเหนื่อยมากถึงมากที่สุดกว่าเว็บไซต์จะดัง ก็มีรายได้จากโฆษณาเดือนระดับหลักหมื่นบาท วิธีนี้มีเทคนิคที่สามารถสร้าง traffic (คนเข้าเว็บไซต์) ให้เว็บไซต์ดังได้ และมีคนเข้าอย่างน้อยระดับ 1,000 คนถึงหลายพันคนต่อวัน ภายใน 2 เดือน เทคนิคนี้มือโปรมากๆเขามักจะรู้กัน
2. สร้างเว็บไซต์ e-commerce สามารถทำได้ทั้งระดับประเทศและระดับสากล ระดับประเทศทำให้สำเร็จง่ายมาก ใช้เวลาทำเดือนสองเดือนก็สร้างยอดขายอัตโนมัติทุกเดือนได้เลยเ(พราะมีการ แข่งขันน้อยมาก) จนถึงใช้เวลาทำนานเป็นปีถ้าต้องเปิดตลาดใหม่เพื่อแนะนำสินค้าบริการอันใหม่ ให้รู้จักกันทั่วถึง ระดับสากลจะทำยากกว่าแต่ตลาดจะใหญ่มาก รายได้จะมหาศาล รายได้ระดับประเทศก็จะหลายหมื่นถึงหลายแสน ที่ผมเห็นคนไทยทำโดยทั่วไป ส่วนรายได้ระดับสากลระดับห้าแสนถึงหลายสิบล้านต่อเดือน เวลาทำตอนแรกจะต้องเหนื่อยมาก ก่อนที่จะสบายตอนหลังเมื่อระบบการตลาดมันเดินด้วยตัวของมันเอง case study ระดับประเทศเช่น เว็บขายถุงยาง, เว็บชุดชั้นในวาบหวิว ฯลฯ case study ระดับสากลเช่น thaigem, เว็บขายอุปกรณ์มวยไทย ฯลฯ

3. ทำ Ebay หรือ Auction อันนี้มีตัวอย่างความสำเร็จมากมายของคนไทย เป็น power seller กันแยะ ข้อมูลไปดูที่ รายได้ระดับ 40,000 - หลายแสน อาจถึงระดับล้าน(เป็นบางคนนะครับ) ช่วงต้นก็ต้องลำบากมากๆๆๆ เหมือนเคยเพราะต้องทดลองตลาดที่ขายได้จนเจอ(เสีย cost ไปไม่น้อย) ก่อนที่จะสบาย คือเมื่อจับตลาดสินค้าได้แล้ว ก็เป็นแหล่งทองที่สามารถขุดได้เรื่อย ๆ ไปอีกนานเลยทีเดียว

4. ทำ Affiliate program ทั้งด้วยเว็บไซต์และ google adwords ราย ได้ตรงนี้มีตั้งแต่ระดับ 1,000 ดอลล่าร์ ถึง หลายแสนดอลล่าร์(พวกโครตเซียน ส่วนมากจะเป็นฝรั่ง) affiliate program คือ การหารายได้โดยการที่เป็นตัวแทนไปตกลงกับเจ้าของสินค้าว่าจะแนะนำลูกค้าให้ โดยการทำ link ไปยังเว็บไซต์ของเขา ลูกค้าจะถูก track ด้วย cookie เป็นระยะเวลาช่วงหนึ่ง ๆ (แล้วแต่เงื่อนไขของบริษัทเขา)ถ้าลูกค้าซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ ก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นตามที่ตกลงไว้ ตัวอย่างสินค้าที่คุณสามารถเลือกโปรโมตได้มีตั้งแต่สากะเบือยันเรือรบ เป็นสินค้าบริษัทยักษ์ใหญ่มากมายเท่าที่คุณจะนึกออก เช่น ebay, dell, morgan stanley,amazon,adwords ฯลฯ รายละเอียดต่าง ๆ มีมากมาย มีคนสร้างรายได้ด้วยวิธีนี้กันหลายแสนคนทั่วโลก มีระบบการทำและให้คำแนะนำกันมากมาย และแน่นอนทำไม่ง่ายอีกเช่นเคย จะว่าไปถึงขั้นให้สำเร็จยากเลยล่ะ แต่ถ้าทำสำเร็จเมื่อไร รายได้ที่ได้จะ automatic อย่างมากมายทันทีแม้คุณจะนั่งกินนอนกินทั้งปีก็ตาม

5. ทำ Google adsense คือการเข้าร่วมการโฆษณาของกูเกิ้ลในเว็บไซต์ของคุณ โดยที่คุณยอมเสียพื้นที่โฆษณาของคุณให้กูเกิ้ลลง คุณจะได้รายได้เมื่อมีคนคลิ๊ก (ทำได้เฉพาะเว็บภาษาอังกฤษ) โดย google จะเป็นคนจ่ายให้คุณ วิธีนี้มีคนนับล้านคนหารายได้เสริมจากทางนี้ พวกเซียน ๆ (ที่ไม่ใช่บริษัทใหญ่ ๆ แต่เป็นคนทั่วไปแบบเรานี่ล่ะ)มีรายได้สบาย ๆ จากทางนี้ขั้นต่ำเดือนละ 1,000 ดอลล่าร์ถึงหลายหมื่นดอลล่าร์ กันหลายคน วิธีการสร้างเว็บเป็นภาษาอังกฤษเหมือนจะยุ่งยาก แต่มันก็มีเทคนิคการสร้างเช่นกัน ให้เสร็จภายในระยะเวลาไม่นาน โดยมีเนื้อหานับร้อย ๆ หน้า หรือจะไปซื้อจาก ebay ก็มีขายเยอะแยะ แต่ที่ยากคือการโปรโมตให้คนเข้ามาเยอะ ๆ แต่พวกเซียน ๆ ก็มีสารพัดเทคนิคทำสำเร็จภายในไม่กี่เดือน แต่ก็เหมือนเดิม ต้องเหนื่อยมาก ๆ ค่อนข้างยากในตอนแรก ลองดูตัวอย่างได้ที่ http://puritech.blogspot.com/

6. รายได้จาก domain seller จะมีพวกเซียนที่ทำการจดโดเมนสวย ๆ มาขายต่อในราคาแพง พวกนี้เก่งจริง ๆ แล้วมีประสบการณ์ในการรู้มูลค่าของชื่อได้ดี และรู้ระบบการตลาดในการขายที่เยี่ยมยอด ที่ผมเห็นหลายรายจดโดเมนมา $10 ขายต่อไปในราคา $100 – หลายพันดอลล่าร์ บางชื่อระดับหมื่นดอลล่าร์ (อย่างเว็บ Thailand.com ซื้อมาในราคาร้อยล้านบาท) คนที่ทำกันจริงจังมีโดเมนอยู่ในมือนับหลายร้อยชื่อเลยทีเดียว แต่ต้องมีประสบการณ์ไม่งั้นก็อาจเจ๊งได้ง่าย ๆ เช่นกันเพราะต้นทุนเยอะ

7. รายได้จาก parking domain พวกนี้จะไปจดโดเมนดัง ๆ ที่หมดอายุแล้วเจ้าของไม่ต่อ แล้วเอาไป parking คือฝาก dns ไว้ที่ sedo.com เวลามีคนเข้าเว็บมาก็จะเจอหน้า parking ที่มีโฆษณา แล้วก็ได้รายได้เป็น pay per click พวกเซียน ๆ จะมีเป็นร้อยโดเมนเลยทีเดียว สร้างรายได้ให้เขาระดับนับหมื่นดอลล่าร์ต่อเดือนสบาย ๆ โดยวัน ๆ ไม่ต้องทำอะไร และแน่นอนมันก็ไม่ง่ายอีกเช่นกัน แม้แต่ละวันจะมีโดเมนที่หมดอายุนับหมื่นชื่อทุกวัน แต่ก็มีคนพวกนี้ที่มีเครื่องมือชั้นยอดคอยจ้องฉกเว็บชิ้นปลามันไปกินมากมาย

8. รายได้จากการขาย ebook หรือ software (ส่วนมากจะเป็น ebook) พวกนี้จะเขียน ebook ขึ้นมาเล่มนึง แล้วก็ไปเช่าเว็บโฮส เขียน selling killer ads เป็นโฆษณาแบบ sale letter ที่อ่านแล้ว โอ้โห มันยอดมาก สุดยอดอะไรเช่นนี้ ทำให้อยากซื้อมาก ๆ แล้วก็สามารถจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตแล้ว download สินค้าได้ทันทีเลย วิธีนี้สำคัญที่ sale letter ads page กับการโปรโมต ถ้าโปรโมต traffic อย่างถูกวิธี พวกเซียน ๆ อีกเช่นเคย ทำมาจนเซียน อยากหาเงินเมื่อไรก็ได้ เพราะเขาบรรลุวิธีการตลาดหมดแล้ว สามารถโปรโมตอีบุ๊คธรรมดาทั่ว ๆ ไปให้มียอดขายได้ไม่ตำกว่า 300-1000 sale download ราคาต่อเล่มประมาณ $30-$100 มีรายได้ต่อเดือนประมาณ $9,000 ถึง 100,000 ดอลล่าร์ เลยทีเดียว
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในวิธีการสร้างรายได้ ทางอินเตอร์เน็ตที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ตอนนี้ในต่างประเทศ ที่ต้องใช้ความรู้ ความพยายาม และยังมีเทคนิคหรือวิธีการอื่นๆ อีกมาก...ถึงเวลาที่จะสนุนคนไทยให้สามารถสร้างรายได้ออนไลน์ ช่วยกันโกยเงินดอลลาร์เข้ามาประเทศของเรา หรือถ้าใครพอจะรู้วิธีอื่นๆก็สามารถนำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ



สมัครสมาชิกอมตะ ได้ซื้อสินค้าราคาลดพิเศษและได้ของแท้จากบริษัทโดยตรง ได้ธุรกิจแฟรนไชส์ เน็ตเวิร์ค อีคอมเมิร์ช ลงทุนหลักร้อย มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็ขยายธุรกิจได้ เพราะขยายด้วยเว็บไซต์ที่ทำงานแทนเรา 24 ชั่วโมง ติดต่อสมัครสมาชิกอมตะ ตามเบอร์โทร 080-441-3343 หรือ สมัคร Online คลิกรูปด้านล่างค่ะ





Cadit: http://puritech.blogspot.com/

บริษัท seo จะได้รับประโยชน์อะไรจาก web stat ที่ให้มา

ขอบคุณบทความจาก Opentracker

สาระสำคัญโดยรวม คุณจะได้รับข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับ:

1.Search Engine Optimization (SEO)
2.เป้าหมายของ SEO
3.ประโยชน์ของ SEO
4.SEO คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรบ้าง
5.ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับการทำให้เว็บไซต์ของคุณก้าวขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของการแสดงผลการค้นหาเว็บไซต์ของ Search Engine
6.ผลการค้นหาเว็บไซต์ของ Search Engine คืออะไร และมาจากที่ใด
7.บริการ SEO
8.บริการ tracking ของ Opentracker สามารถช่วยคุณได้อย่างไรบ้าง

บริษัท seo จะได้รับประโยชน์อะไรจาก web stat ที่ให้มา
ช่วยพัฒนาอันดับผลการค้นหาเว็บไซต์ใน Google, Yahoo และ MSN

ช่วยวัดผลหลังจากทำการเปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุงหน้าเว็บไซต์

ช่วยให้ทราบว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์เข้าชมเว็บไซต์ของเราจากหน้าเว็บไซต์ใดของ Google
Yahoo หรือ MSN ซึ่งทำให้คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับซอฟต์แวร์ในการเช็คอันดับ
ใน seach engine

Search Engine Optimization (Ŏp'tě-mĭ-zā'shěn) n.

Search engine optimization (SEO) คือ กระบวนการที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณ
ถูกค้นพบได้ง่ายขึ้นในอินเทอร์เน็ต Search Engine ชั้นนำของโลกสามารถนำพาผู้ใช้บริการ
อินเทอร์เน็ตให้เข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณได้มากกว่า 1,000 คนต่อวัน เพราะฉะนั้นเพียงแค่คุณ
ออกแบบและจัดสร้างเว็บไซต์ให้เหมาะสม และสอดคล้องกับหลักการทำงานของ Search Engine
คุณก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายหรืองบประมาณใดๆ เลยในการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ของคุณ


Opentracker ขอแนะนำเทคนิคต่างๆ ในการใช้ประโยชน์จาก SEO เพื่อให้คุณสามารถนำเทคนิคต่างๆ
เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับเว็บไซต์ของคุณ


เป้าหมาย : พัฒนาอันดับผลการค้นหาเว็บไซต์ของ Search Engine

เป้าหมายของ SEO คือ การทำเว็บไซต์ของคุณให้อยู่ในอันดับต้นๆ ของการแสดงผลการค้นหาเว็บไซต์ของ
Search Engine เนื่องจากผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่มักจะเข้าชมเว็บไซต์ ที่มีผลการค้นหาเว็บไซต์
ที่อยู่อันดับต้นๆเสมอ ดังนั้นคุณจึงควรทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับต้นๆในการแสดงผลการค้นหาเว็บไซต์
ของ Search Engine


เช่น ในกรณีที่เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับที่ 68 ของการแสดงผลการค้นหาเว็บไซต์ของ Search Engine
โอกาสที่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตจะเข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณย่อมน้อยลงตามไปด้วย คุณอาจจะแก้ไขปัญหา
ดังกล่าวได้ด้วยการเป็นเว็บไซต์ผู้สนับสนุน (sponsor listing) แต่วิธีนี้นอกจากที่คุณจะต้องแบกรับค่าใช้จ่าย
เป็นจำนวนมากแล้ว ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตจำนวนน้อยมากที่จะเข้าชมเว็บไซต์ของคุณโดยการคลิกที่เว็บไซต์
ผู้สนับสนุน เพราะจากผลการวิจัยที่เราได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ โดยเป็น
เว็บไซต์ผู้สนับสนุน (sponsor listing) ของ Google มาอย่างยาวนาน ทำให้เราทราบว่า อัตราการคลิก
เข้าชมเว็บไซต์ โดยผ่านทางผู้สนับสนุนเว็บไซต์ (sponsor listing) ของ Google มีประมาณหรือน้อย
กว่า 1% ของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตเท่านั้นที่ได้รับความพึงพอใจจากการใช้บริการ ซึ่งก็หมายความว่า
จำนวนของการเข้าชมเว็บไซต์โดยผ่านทางเว็บไซต์ผู้สนับสนุน (sponsor listing) น้อยกว่า 1% ของผู้
เข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมด


ไม่ใช่เพียง Google เท่านั้นที่จัดทำโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์โดยเป็นเว็บไซต์ผู้สนับสนุน (sponsor
listing) Search Engine บางที่ เช่น Dogpile, Teoma และ Infospace ก็เป็น Search Engine
ที่จัดทำโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์โดยเป็นเว็บไซต์ผู้สนับสนุน (sponsor listing) เช่นเดียวกันนอกจาก
นี้ยังมีจำนวนเว็บไซต์ผู้สนับสนุน (sponsor listing) มากกว่า Google อีกด้วย


ในขณะที่ AOL, Netscape, Ask Jeeves และ Hotbot สามารถจัดแสดงเว็บไซต์ผู้สนับสนุน (sponsor
listing) ได้ชัดเจนกว่า Google รวมทั้งมีอัตราการคลิกเข้าชมเว็บไซต์โดยผ่านทางผู้สนับสนุนเว็บไซต์
(sponsor listing) มากกว่า Google อีกด้วย สิ่งสำคัญ 2 ประการที่ควรร้ เกี่ยวกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์
เว็บไซต์โดยเป็นเว็บไซต์ผู้สนับสนุน (sponsor listing) ก็คือ เว็บไซต์ผู้สนับสนุน (sponsor listing)
ของแต่ละ Search Engine มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและมีวิธีการค้นหาเว็บไซต์ที่แตกต่างกันเพราะฉะนั้น
ถ้าหากคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณก้าวขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของการแสดงผลการค้นหาเว็บไซต์ของ Search
Engine คุณก็ต้องทำการออกแบบ และจัดสร้างเว็บไซต์ให้เหมาะสม และสอดคล้องกับหลักการทำงานของ
Search Engine ต่างๆ เหล่านั้นให้มากที่สุด


ทุกคนล้วนต้องการให้เว็บไซต์ของตนเองอยู่ใน 10 หรือ 20 อันดับแรกของการแสดงผลการค้นหาเว็บไซต์
ของ Search Engine ด้วยกันทั้งหมด ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะมีงบประมาณเป็นพันล้านก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้
เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับต้นๆ ในการแสดงผลการค้นหาเว็บไซต์ของ Search Engine ต่างๆ ทั่วโลกได้
วิธีการที่ดีและง่ายที่สุดสำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ก็คือ ออกแบบ และจัดสร้างเว็บไซต์ให้เหมาะสมและ
สอดคล้องกับหลักการทำงานของ Search Engine ต่างๆ เหล่านั้นนั่นเอง


SEO ทำงานอย่างไร
เป้าหมายของการใช้ SEO คือ เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งคุณก็สามารถทำได้โดยพัฒนาปรับปรุงหรือ
เปลี่ยนแปลงเนื้อหาของเว็บไซต์ให้เหมาะสม และสอดคล้องกับหลักการทำงานของ Search Engine ต่างๆ
พร้อมกันนี้ เราได้จัดเตรียมขั้นตอนง่ายๆ ของการทำให้เว็บไซต์ของคุณก้าวขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของการแสดงผล
การค้นหาเว็บไซต์ของ Search Engine ไว้ที่ด้านล่างนี้แล้ว


ปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของ Search Engine คือ คีย์เวิร์ดหรือคำค้นหาเว็บไซต์ ที่คุณเลือกใช้
ให้กับเว็บไซต์ของคุณเอง ซึ่งนับได้ว่าเป็นหัวใจในการนำพาผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตให้เข้ามาชมเว็บไซต์ของ
คุณดังนั้น คุณจึงจำเป็นต้องทำการคัดเลือกคีย์เวิร์ด, title และเนื้อหาให้ดีที่สุดเพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับ
เว็บไซต์ของคุณเอง


คีย์เวิร์ดที่จะนำมาใช้กับเว็บไซต์ควรได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี เพราะถ้าหากคีย์เวิร์ดที่คุณเลือกใช้
ให้กับเว็บไซต์ตรงกับคำค้นหาเว็บไซต์ของผู้ใช้บริการ ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตก็จะสามารถค้นพบเว็บไซต์
ของคุณได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้แล้วยังมีประโยชน์โดยตรงต่อการพัฒนาอันดับผลการค้นหา
เว็บไซต์ของ Search Engine ต่างๆ ด้วย


ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับการทำให้เว็บไซต์ของคุณก้าวขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของการแสดงผลการค้นหาเว็บไซต์ของ Search Engine:


1.ตรวจสอบจำนวนครั้งของการใช้ Keyword หรือคำค้นหาเว็บไซต์ของผู้เข้าชมเว็บไซต์
Keyword ใดมีอัตราการใช้ 5 - 15% ของการใช้ Keyword หรือคำค้นหาเว็บไซต์ทั้งหมด
แสดงว่า Keyword คำนั้นมีประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ดี คุณสามารถตรวจสอบจำนวนครั้ง
การใช้ Keyword โดยเปรียบเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ ที่นี่

2.เพิ่มลิงค์ให้กับเว็บไซต์ของคุณ ทั้งลิงค์จากเว็บไซต์อื่น (backlink) และลิงค์ในเว็บไซต์ของคุณเอง
(crosslink) รวมทั้งใช้ชื่อสำหรับเรียกโลโก้ และกราฟิกต่างๆ (anchor-text) วิธีทั้งหมดจะส่งผล
ให้ bot และ spider ของ Search Engine ต่างๆ เข้ามาตรวจสอบเว็บไซต์คุณเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น
ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตก็จะสามารถค้นหาเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น ข้อสังเกต : MSN จะไม่ใช้ bot
และ spider ในการค้นหาเว็บไซต์ แต่จะค้นหาเว็บไซต์จากโฆษณาออนไลน์, เว็บไซต์ผู้สนับสนุน
(sponsor listing) และไดเรกทอรี แต่คุณสามารถจัดทำแผนที่เว็บไซต์ (site map) หรือลิงค์
ในเว็บไซต์ของคุณเอง (crosslink) เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดไปได้

3.ตรวจสอบ title ของแต่ละหน้าเว็บไซต์ของคุณว่า กระชับได้ใจความและสอดคล้องกับเนื้อหาของ
เว็บไซต์หรือไม่

4.อธิบายบริการหรือสินค้าของเว็บไซต์ของคุณให้ละเอียด และครอบคลุมมากที่สุด

5.เพิ่มเนื้อหาของเว็บไซต์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่เนื้อหาที่เพิ่มต้องเกี่ยวข้องและสอดคล้องกับ
เนื้อหาเว็บไซต์ในส่วนอื่นๆ ด้วย

บริการ SEO
บริการ SEO เป็นอีกบริการหนึ่งที่มีขอบเขตกว้างมาก เพราะเป็นบริการที่ให้บริการทั้งเว็บไซต์ที่กำลังจัดสร้าง
และเว็บไซต์ที่จัดสร้างเรียบร้อยแล้ว บริการ SEO จะให้บริการวิเคราะห์เว็บไซต์ และตรวจสอบเว็บไซต์ว่าควร
พัฒนา ปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนองค์ประกอบส่วนใดของเว็บไซต์บ้าง รวมทั้งวิเคราะห์คู่แข่งขันจาก Keyword
ที่คู่แข่งขันเลือกใช้ สร้างเว็บไซต์พันธมิตรเพื่อเพิ่มลิงค์ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงทำการพัฒนาเนื้อหาของเว็บไซต์
และผลการค้นหาเว็บไซต์ของ Search Engine ต่างๆ แต่การพัฒนา ปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนองค์ประกอบ
ส่วนใดส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ดังที่กล่าวมาจำเป็นต้องใช้เวลา (1 เดือนขึ้นไป) บริการ SEO จึงไม่สามารถแสดง
ประสิทธิภาพของการเปลี่ยนแปลงได้ในทันที


ในปัจจุบันมีบริษัทมากมายที่ให้บริการ SEO ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้บริการได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น
การพัฒนาหรือการรักษาอันดับผลการค้นหาเว็บไซต์ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ก็คือ
ผลการค้นหาเว็บไซต์ของ Search Engine มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรเชื่อ
คำโฆษณาของบริษัทที่ให้บริการ SEO ที่รับรองว่า จะทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ใน 3 อันดับแรกของการ
แสดงผลการค้นหาเว็บไซต์ของ Search Engine


เว็บไซต์ที่ได้รับการจัดสร้างขึ้นมาใหม่ควรทำอะไรบ้าง
ปัญหาที่สำคัญที่สุดของเว็บไซต์ที่ได้รับการจัดสร้างขึ้นใหม่ ก็คือ ไม่มีหรือมีผู้เข้าชมเว็บไซต์น้อยรายที่จะ
เข้าชมเว็บไซต์ เพราะฉะนั้น เว็บไซต์ที่ได้รับการจัดสร้างขึ้นใหม่จึงต้องเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้มากขึ้น
ซึ่งอาจจะทำด้วยการลงทะเบียนเว็บไซต์ใน Search Engine และไดเรกทอรีต่างๆ ตลอดจนเพิ่มลิงค์ทั้งใน
รูปแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย และเมื่อเว็บไซต์มีจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์อยู่ในเกณฑ์ที่พึงพอใจแล้วก็สามารถลด
งบประมาณในส่วนนี้แล้วนำไปใช้พัฒนาในส่วนอื่นๆ ของเว็บไซต์ต่อไปได้


บริการ tracking ของ Opentracker ช่วยคุณได้อย่างไรบ้าง

คุณจะได้รับประโยชน์จากบริการ tracking ดังนี้:



-ทำให้คุณได้ทราบถึงข้อมูลและสถิติต่างๆ รวมไปถึงพฤติกรรมทั้งหมดของผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำตลอดทั้ง 24 ชั่วโมง

-ทำให้คุณได้ทราบว่า Keywordที่คุณเลือกใช้กับเว็บไซต์ของคุณตรงกับคำค้นหาเว็บไซต์ที่ผู้เข้า
ชมเว็บไซต์ของคุณใช้หรือไม่ บริการ tracking จะทำการรายงานผลเกี่ยวกับคำค้นหาเว็บไซต์ของ
คุณโดยการจัดแสดงอันดับตามความนิยมของผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ รวมทั้งจัดแสดงพฤติกรรม
ทั้งหมดทุกขั้นตอนอย่างละเอียดของผู้เข้าชมเว็บไซต์แต่ละบุคคลอีกด้วย

-ทำให้คุณสามารถวัดจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์โดยแบ่งประเภทตามลักษณะการเข้าชม คือ ผู้เข้าชม
เว็บไซต์โดยทั่วไป และผู้เข้าชมเว็บไซต์จากเว็บไซต์ผู้สนับสนุน (sponsor listing)

-ทำให้คุณได้ทราบถึงประสิทธิภาพการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ที่คุณจัดทำขึ้น เช่น ในรูปแบบ
ของ pay-per-click หรือการเป็นเว็บไซต์ของผู้สนับสนุน (sponsor listing) เป็นต้น

-ทำให้คุณสามารถตรวจสอบได้ว่า หน้าเว็บไซต์ใดได้รับการเข้าชมมากที่สุด และแต่ละหน้าของเว็บไซต์
ได้รับการเข้าชมมากน้อยเท่าใด สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณได้ทราบว่าหน้าเว็บไซต์ของคุณหน้าใดที่สามารถ
สร้างความพึงพอใจให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้ หน้าใดบ้างที่ต้องทำการพัฒนา ปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง
และหน้าใดบ้างที่ต้องจัดทำขึ้นใหม่




สมัครสมาชิกอมตะ ได้ซื้อสินค้าราคาลดพิเศษและได้ของแท้จากบริษัทโดยตรง ได้ธุรกิจแฟรนไชส์ เน็ตเวิร์ค อีคอมเมิร์ช ลงทุนหลักร้อย มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็ขยายธุรกิจได้ เพราะขยายด้วยเว็บไซต์ที่ทำงานแทนเรา 24 ชั่วโมง ติดต่อสมัครสมาชิกอมตะ ตามเบอร์โทร 080-441-3343 หรือ สมัคร Online คลิกรูปด้านล่างค่ะ


เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ด้วยการใช้บริการ E-Mail Marketing

1 ใน 3 วิธีเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้กับเว็บไซต์ของคุณ
ขอแนะนำ 3 วิธีในการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์อย่างรวดเร็วให้กับเว็บไซต์ของคุณ โดยทั้ง 3 วิธี
ในการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์จะทำให้คุณทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับ :
1.การใช้บริการจัดทำ และจัดส่งจดหมายข่าวออนไลน์ของเว็บไซต์การตลาดชั้นนำ
2.การโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay-per-click และ adword ใน Google ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่า
เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์
3.การซื้อจำนวนการคลิกเข้าชมเว็บไซต์

ทุกเว็บไซต์ล้วนต้องการที่จะเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้มากที่สุด แต่ในความจริง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเพิ่มจำนวน
ผู้เข้าชมเว็บไซต์ ให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์เหล่านั้นเข้ามาชม หรือซื้อสินค้าจากเว็บไซต์คุณ Opentracker ขอแนะนำ 3 วิธี
ในการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ จากประสบการณ์ตรงของเรา


โดย 3 วิธีดังกล่าว ได้แก่ 1) การใช้บริการ e-mail marketing โดยการจัดทำและจัดส่ง e-mail ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถเพิ่ม
จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้เป็นจำนวนมาก หากได้รับการออกแบบเป็นอย่างดี และจัดส่งไปยังผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่
เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้อง 2) การโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay-per-click และ 3) การซื้อจำนวน
การคลิกเข้าชมเว็บไซต์


ข้อสังเกต : โดยทั่วไปข้อมูลการค้า หรือข้อมูลการทำตลาดของบริษัทชั้นนำมักจะถูกปกปิดไว้เป็นความลับเสมอ
และไม่ง่ายนักที่คุณจะสามารถค้นหาข้อมูลดังกล่าวในอินเทอร์เน็ตได้ แต่ Opentracker จะเปิดโอกาสให้คุณได้
ทราบถึงทุกวิธีการทำการตลาดของเรา เพื่อให้คุณสามารถนำกลยุทธ์การตลาดของเราไปประยุกต์ใช้กับเว็บไซต์
ของคุณได้


วิธีที่ 1 การใช้บริการ e-Mail Marketing
การวางแผน
Opentracker ใช้บริการจัดทำและจัดส่ง e-mail ของเว็บไซต์การตลาดชั้นนำ 2 เว็บไซต์ด้วยกัน โดยเสียค่าบริการ
ให้กับเว็บไซต์แรก และเว็บไซต์ที่ 2 เป็นเงินจำนวน 750 และ 1,000 เหรียญสหรัฐตามลำดับ


เราใช้ลิงค์ทั้งในรูปแบบข้อความตัวอักษร และแบนเนอร์ในการจัดทำ e-mail เพื่อใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์
เว็บไซต์ของเรา และได้ทำการจัดส่ง e-mail ไปยังผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต โดยที่เว็บไซต์แรก และเว็บไซต์ที่ 2
ได้จัดส่ง e-mail ไปยังผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต เป็นจำนวน 25,000 และ 500,000 คนตามลำดับ


เป้าหมายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ของเราในครั้งนี้ ก็คือ เพิ่มจำนวนการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ 300 - 3,000 ครั้ง
และคาดหวังว่า 10% ของจำนวนการคลิกนั้นจะเข้ามาชมหน้าเว็บไซต์สำหรับทดลองใช้บริการ tracking ฟรี รวมทั้งทดลอง
เข้าใช้บริการ tracking ฟรี เป็นเวลา 30 วัน นอกจากนี้ยังคาดหวังอีกด้วยว่า หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาทดลองใช้บริการ
tracking ฟรี 30 วันแล้วจะมียอดการสมัครเป็นสมาชิกบริการ tracking เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ เรายังได้ใช้หน้าเว็บไซต์แรกที่เข้าชมจากลิงค์ของ e-mail ให้แตกต่างกัน เพื่อที่จะทำให้เราสามารถตรวจสอบได้
ว่า ลิงค์ในe-mail ของเว็บไซต์การตลาดแรก หรือเว็บไซต์ที่ 2 ที่สามารถดึงดูดผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตให้เข้าชมเว็บไซต์ของ
เราได้มากกว่ากัน


ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
บริการ e-mail marketing ของทั้ง 2 เว็บไซต์สามารถเพิ่มจำนวนการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

บริการจัดทำและจัดส่ง e-mail ของเว็บไซต์แรกสามารถดึงดูดให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์เข้าชมหน้าเว็บไซต์สำหรับทดลองใช้บริการ
tracking ฟรีได้ 10% ตามเป้าหมาย แต่ไม่สามารถโน้มน้าวใจให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ทดลองเข้าใช้บริการ tracking ฟรีได้

ในขณะที่บริการจัดทำและจัดส่ง e-mail ของเว็บไซต์ที่ 2 มีผู้เข้าชมหน้าเว็บไซต์สำหรับทดลองใช้บริการ tracking ฟรี และมีผู้
เข้าชมเว็บไซต์ทดลองใช้บริการไม่ถึง 10% ซึ่งสถิติดังกล่าวทำให้เราทราบอย่างชัดเจนว่า จดหมายข่าวออนไลน์ของเว็บไซต์ที่
2 ดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้น้อยกว่า e-mail ของเว็บไซต์แรก


การวิเคราะห์ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
เราทำการวิเคราะห์ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นโดยใช้หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ :
1.ค่าบริการโดยเฉลี่ยต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1 คน
2.จำนวนหน้าเว็บไซต์ที่เข้าชมโดยเฉลี่ยต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1 คน ซึ่งจะทำให้คุณสามารถประเมินผลได้ว่า
การโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ของคุณในครั้งนี้สามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์กลุ่มเป้าหมาย
ได้หรือไม่
3.เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เป็นลูกค้าแท้จริง (ผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ทดลองเข้าใช้บริการ tracking ฟรี์)

การประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น:
1.ค่าบริการโดยเฉลี่ยต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1 คนสูงเกินกว่าที่เราคาดหมายไว้ เพราะเราต้องเสียค่าบริการ
โดยเฉลี่ยเป็นจำนวนเงิน 0.5 และ 1 เหรียญสหรัฐต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1 คน สำหรับเว็บไซต์แรก
และเว็บไซต์ที่ 2 ตามลำดับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็เคยเสียค่าบริการโดยเฉลี่ยต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1 คน
เป็นจำนวนเงินสูงถึง 4 เหรียญสหรัฐ ซึ่งค่าบริการดังกล่าวคงไม่ใช่ค่าบริการที่แพงเกินไปนัก ถ้าหาก
ว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์รายนั้นเป็นลูกค้าที่แท้จริงของเว็บไซต์คุณ

2.จำนวนหน้าเว็บไซต์ที่เข้าชมโดยเฉลี่ยต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1 คน สถิติดังกล่าวจะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ
การเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่แตกต่างกันของทั้ง 2 เว็บไซต์ บริการจัดทำและจัดส่ง e-mail ของเว็บไซต์
แรกและเว็บไซต์ที่ 2 มีสถิติจำนวนหน้าเว็บไซต์ที่เข้าชมโดยเฉลี่ยต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1 คน คือ 7.5 หน้า
และ 2.5 หน้า สถิติที่เราได้รับทำให้เราต้องค้นหาวิธีที่จะทำให้บริการจัดทำและจัดส่ง e-mail สามารถจัดส่งไป
ถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างถูกต้องมากขึ้น รวมทั้งค้นหาสาเหตุที่ทำให้ผู้เข้าชมสนใจในบริการจัดทำและจัดส่ง e-mail
ของเว็บไซต์แรกมากกว่า เว็บไซต์ที่ 2 ด้วย

3.เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เป็นลูกค้าแท้จริง (ผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ทดลองเข้าใช้บริการ tracking ฟรี์) จาก
จดหมายข่าวออนไลน์ของเว็บไซต์แรกมีจำนวนมากกว่าเว็บไซต์ที่ 2 โดยสังเกตง่ายๆ จากจำนวนหน้าเว็บไซต์
ที่เข้าชม โดยเฉลี่ยต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1 คน ถ้าสถิติดังกล่าวอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ โอกาสในการเพิ่มจำนวนผู้เข้า
ชมเว็บไซต์ให้กับเว็บไซต์ก็น้อยลงตามไปด้วย

หน้าเว็บไซต์แรกที่เข้าชมจากลิงค์
ในกรณีที่คุณจัดทำโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์มากกว่า 1 วัน
เราขอแนะนำให้คุณทดลองเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์แรกที่เข้าชมจาก
ลิงค์ทั้งนี้ก็เพื่อวัดประสิทธิภาพหน้าเว็บไซต์หน้าแรกที่เข้าชมจาก
ลิงค์ว่าสามารถดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้หรือไม่นั่น
เองแผนภาพนี้จะทำให้คุณได้ทราบว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์เข้าชมที่ใด
และหน้าเว็บไซต์ใดที่ได้รับการเข้าชมมากที่สุดด้วยจำนวนหน้า
เว็บไซต์ที่เข้าชมโดยเฉลี่ยที่เราได้รับอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่น่าพึงพอ
ใจเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้เราทราบว่าไม่มีผู้เข้าชมเว็บไซต์รายใด
ที่เข้าชมหน้าเว็บไซต์ที่เราคาดหวัง (หน้าเว็บไซต์สำหรับการลง
ทะเบียนเข้าใช้บริการ tracking) เราจึงทำการเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์
แรกที่เข้าชมจากลิงค์มาเป็น 'หน้าลงทะเบียนเข้าใช้บริการ tracking ฟรี'
แต่ผลที่ได้รับกลับทำให้จำนวนหน้าเว็บไซต์ที่เข้าชมโดยเฉลี่ยลดลงจาก
เดิมเพราะฉะนั้นจึงทำให้เราทราบว่า ผู้เข้าชมเว็บไซต์ส่วนใหญ่มักไม่สนใจหน้าเว็บไซต์สำหรับการลงทะเบียน
เข้าใช้บริการของเว็บไซต์โดยตรง วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตเข้าชมหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการ
(หน้าเว็บไซต์สำหรับการลงทะเบียนเข้าใช้บริการ tracking) ก็คือ ต้องทำการออกแบบ และจัดสร้างหน้าเว็บไซต์
ทุกหน้าของเว็บไซต์ให้สวยงามเพื่อให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์เกิดความประทับใจนั่นเอง ซึ่งจากการใช้บริการจัดทำ
และจัดส่ง e-mail ของเว็บไซต์การตลาดชั้นนำ 2 เว็บไซต์ สรุปได้ว่า ลิงค์ข้อความตัวอักษรสามารถดึงดูดให้ผู้
ใช้บริการอินเทอร์เน็ตเข้ามาชมเว็บไซต์ของเราได้เป็นจำนวนมาก (ดูจากแผนภาพ)

ลิงค์ข้อความตัวอักษร คือ รูปแบบของลิงค์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์

แผนภาพด้านบน (คลิกที่ภาพเพื่อชมภาพขนาดใหญ่ขึ้น) จะทำให้คุณได้ทราบถึงเปอร์เซ็นต์การคลิกรูปภาพ
หรือลิงค์ของผู้เข้าชมเว็บไซต์ จากสถิติที่เราได้รับทำให้เราทราบว่า ลิงค์ข้อความตัวอักษรที่อยู่ด้านล่างของ
e-mail สามารถดึงดูดให้ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต เข้ามาชมเว็บไซต์ของเราได้เป็นจำนวนมาก


สรุปผล : การโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ด้วยการใช้จดหมายข่าวออนไลน์
คุณไม่มีทางทราบได้เลยว่า ผู้เข้าชมเว็บไซต์รายใดบ้างที่เป็นลูกค้าแท้จริงของเว็บไซต์คุณ และก็ไม่สามารถ
รับรองได้ด้วยว่า ผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณจะใช้บริการ หรือซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ของคุณ วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้
การโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ด้วยการใช้จดหมายข่าวออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ก็คือ ทำการจัดส่ง
e-mail ไปยังผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตให้ถูกกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด และทำการออกแบบ และจัดสร้างหน้า
เว็บไซต์ให้ทุกหน้าดูสวยงาม เข้าใจและใช้งานได้ง่าย


ไม่มีใครสามารถ "บังคับ" ให้ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตเข้ามาชม หรือซื้อสินค้าในเว็บไซต์ของคุณได้ แม้กระทั่ง
ผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์ของคุณอยู่ในขณะนี้ คุณก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่า ผู้เข้าชมเว็บไซต์รายนี้จะเป็นลูกค้าแท้จริง
ของเว็บไซต์ของคุณ เพราะผู้เข้าชมเว็บไซต์รายนี้อาจได้รับการว่าจ้างให้เข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณก็เป็นได้
ซึ่งเราจะทำการชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีดังกล่าวอย่างชัดเจนอีกครั้งในวิธีที่ 3


งบประมาณที่ใช้
จากประสบการณ์ตรงของเรา เราขอแนะนำให้คุณสำรองงบประมาณไว้มากกว่า 1 พันเหรียญสหรัฐ (โดยปกติ
เว็บไซต์ต่างๆ จะใช้งบประมาณสำหรับการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ประมาณ 500 - 1,000 เหรียญสหรัฐ
ต่อเดือน) เพื่อทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ และเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง หรือคุณ
อาจจะใช้งบประมาณที่น้อยกว่านี้ก็ได้ คุณอาจจะค้นพบแนวทาง หรือกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ใหม่ๆ ก็เป็นได้



สมัครสมาชิกอมตะ ได้ซื้อสินค้าราคาลดพิเศษและได้ของแท้จากบริษัทโดยตรง ได้ธุรกิจแฟรนไชส์ เน็ตเวิร์ค อีคอมเมิร์ช ลงทุนหลักร้อย มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็ขยายธุรกิจได้ เพราะขยายด้วยเว็บไซต์ที่ทำงานแทนเรา 24 ชั่วโมง ติดต่อสมัครสมาชิกอมตะ ตามเบอร์โทร 080-441-3343 หรือ สมัคร Online คลิกรูปด้านล่างค่ะ


การบริหารและจัดการกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์

ในรูปแบบ pay per click และ Google adwords
สาระสำคัญโดยรวม คุณจะได้ทราบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับ:

การโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click คืออะไร
คุณควรใช้บริการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click เพื่อประโยชน์อะไรบ้าง
คุณควรใช้บริการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click จากที่ใด
คุณคิดว่า คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าใดสำหรับการซื้อโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ ในรูปแบบ pay per click
ค่าบริการเฉลี่ยต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1 คนคืออะไร

วิธีการนำข้อมูลและสถิติต่างๆ ที่ได้รับจากบริการ tracking ไปใช้ในการประเมินผลการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click

-เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์กลุ่มเป้าหมาย
-ความสำคัญของอัตราการแปรเปลี่ยนมาเป็นลูกค้า
-การโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click

การโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click คือ วิธีการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์
ในอินเทอร์เน็ตอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจาก คุณจะเสียค่าบริการก็ต่อเมื่อมีผู้ใช้
บริการอินเทอร์เน็ตคลิกลิงค์ หรือแบนนอร์เพื่อเข้าชมเว็บไซต์ของคุณเท่านั้นแต่ถ้าผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต
เพียงแค่ชมลิงค์ หรือแบบเนอร์ของเว็บไซต์ โดยไม่ได้คลิกเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ การกระทำนี้เรียกว่า
"impression" คุณก็ไม่ต้องเสียค่าบริการให้กับการกระทำดังกล่าว


การวิเคราะห์เส้นทางการเข้าชมเว็บไซต์ ของบริการ tracking จะทำให้คุณทราบว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์
ทำอะไรบ้างกับเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในการบริหารและจัดการ
กับการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ของคุณ รวมไปถึงเป็นข้อมูลที่ช่วยในการสรุปหาวิธีที่สุดเพื่อ:


1.เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์กลุ่มเป้าหมาย

2.เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่แปรเปลี่ยนมาเป็นลูกค้า

3.กระตุ้นให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์เกิดพฤติกรรมการซื้อหรือการใช้บริการ

การเลือกใช้คำค้นหาเว็บไซต์หรือคีย์เวิร์ด ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต และเหมาะสมกับการบริหารและจัดการกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay
per click ที่ดีจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็จะช่วยเพิ่มโอกาส
ที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณขายสินค้า หรือให้บริการได้มากขึ้นตามเป้าหมายที่คุณวางไว้


เป้าหมายของการใช้บริการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click
คือ เพิ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์กลุ่มเป้าหมาย
ผู้เข้าชมเว็บไซต์กลุ่มเป้าหมายในที่นี้ หมายถึง ผู้เข้าชมเว็บไซต์ดังต่อไปนี้:
-ผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่สนใจเว็บไซต์ของคุณ
-ผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่คลิกเข้าชมเว็บไซต์
-ผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ซื้อ หรือใช้บริการของเว็บไซต์คุณ
-ผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่มาจากประเทศที่คุณสนใจ
-ผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่กลับเข้ามาใช้บริการของเว็บไซต์คุณอีกครั้ง

เมื่อจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้เพิ่มขึ้น โอกาสที่คุณจะขายสินค้า หรือให้บริการ
ได้ตามเป้าหมายที่คุณวางไว้ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
การวิเคราะห์อัตราการแปรเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าจะทำให้คุณสามารถทำการสรุปได้ว่าผู้เข้าชม
เว็บไซต์กลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์คุณมาจากที่ใดบ้าง

อัตราการแปรเปลี่ยนมาเป็นลูกค้า คือ ข้อมูลและสถิติต่างๆ ที่จะทำให้คุณทราบว่าเว็บไซต์ของคุณ
มีจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่แปรเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าจำนวนเท่าใด ถ้าเว็บไซต์ของคุณมีจำนวนผู้เข้า
ชมกลุ่มเป้าหมายมาก จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่แปรเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าก็มากขึ้นด้วย นอกจากนี้
อัตราการแปรเปลี่ยนมาเป็นลูกค้ายังจะทำให้คุณได้ทราบว่า การโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์
ของคุณมีความคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ และค่าบริการเฉลี่ยต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1 คนอีกด้วย


วิธีการนำข้อมูลและสถิติต่างๆ ที่ได้รับจากบริการ tracking ไปประเมินผลการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click
ข้อมูลและสถิติต่างๆ ที่ได้รับจากบริการ tracking มีประโยชน์ต่อการประเมินผลการโฆษณาประชาสัมพันธ์
เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click ดังนี้:



1.ใช้ในการตรวจสอบการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ และประสิทธิภาพของการบริหารและจัดการกับการโฆษณา
ประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click:

2.Keyword คำใดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการโน้วน้าวใจให้ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตเข้ามาชมเว็บไซต์
ของคุณ

3.โฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click ใดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการโน้วน้าวใจ
ให้ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตเข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณ

4.เว็บไซต์ หรือ Search Engine ใดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการโน้วน้าวใจให้ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต
เข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณ

5.ค่าบริการเฉลี่ยต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1 คนของเว็บไซต์คุณ

6.อัตราการแปรเปลี่ยนเป็นลูกค้าของเว็บไซต์คุณ

7.ใช้ในการตรวจสอบให้มั่นใจว่า คุณควรเสียค่าบริการให้กับสิ่งใดบ้าง

8.ผู้เข้าชมเว็บไซต์มาจากที่ใด เช่น มาจากประเทศใด เป็นต้น

ระยะเวลาในการเข้าชมแต่ละครั้ง, จำนวนหน้าเว็บไซต์ที่เข้าชม และจำนวนหน้าเว็บไซต์เฉลี่ย
ต่อการเข้าชม 1 ครั้ง

บริการ tracking จะทำให้คุณได้ทราบอะไรบ้างที่เกี่ยวกับผู้เข้าชมเว็บไซต์กลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์คุณ

บริการ tracking จะทำให้คุณได้ทราบข้อมูลและสถิติต่างๆ ของผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของคุณ
ทั้งหมดที่เกี่ยวกับ:


ผู้เข้าชมเว็บไซต์กลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์คุณมาจากที่ใด

ผู้เข้าชมเว็บไซต์กลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์คุณมีพฤติกรรมอย่างไรบ้างเมื่อเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
ซึ่งบริการ tracking จะทำให้คุณได้ทราบว่า ผู้เข้าชมเว็บไซต์กลุ่มเป้าหมาย ของเว็บไซต์คุณ
เข้าชมหน้าเว็บไซต์ใดบ้าง และเข้าชมหน้าเว็บไซต์ทั้งหมดเป็นจำนวนกี่หน้า เป็นต้น

ผู้เข้าชมเว็บไซต์กลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์คุณใช ้Keyword คำใดในการค้นหาเว็บไซต์ของคุณ

คุณควรใช้บริการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click
จากเว็บไซต์ หรือ Search Engine ใด
มีเว็บไซต์ และ Search Engine เป็นจำนวนมากที่ให้บริการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay
per click เราจึงขอแนะนำให้คุณทดลองใช้บริการของหลายๆ ที่ เพื่อเปรียบเทียบ และค้นหาบริการที่เหมาะ
สมกับเว็บไซต์ของคุณมากที่สุด แต่สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่คุณควรระมัดระวังไว้ ก็คือ คุณอาจจะใช้บริการโฆษณา
ประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay-per-click ของ Search Engine ที่ซ้ำกันได้ เนื่องจาก Search
Engine บางที่ใช้บริการของ Search Engine อีกที่หนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น Hotbot ใช้บริการของ Google
ในการค้นหาเว็บไซต์ เป็นต้น


โดย Search Engine ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ Google โดยมีผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตประมาณ
35-70% ที่ใช้บริการของSearch Engine นี้ โดยมี Yahoo, MSN และ Inktomi ตามมาเป็นอันดับ
ที่ 2, 3 และ 4 ตามลำดับ


รายชื่อบริษัทที่ให้บริการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click:

ข้อดีของการใช้บริการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click ก็คือ คุณจะสามารถลง
ทะเบียนเว็บไซต์ และเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลา 2 ถึง 3 ชั่วโมงเท่านั้น
และถ้าหากคุณมีงบประมาณที่มากเพียงพอ คุณก็สามารถทำการประมูล Keyword ในราคาสูงๆได้เพื่อที่จะ
ทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับต้นๆ ของการเป็นเว็บไซต์ผู้สนับสนุน (sponsor listing) ได้ภายในระยะ
เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ก็มิใช่ว่า บริการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click
จะมีแต่ข้อดีเพียงอย่างเดียวข้อเสียของการใช้บริการนี้ ก็คือคุณต้องเสียค่าบริการทุกครั้งที่มีผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต
คลิกเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ โดยที่คุณไม่สามารถทราบได้เลยว่า ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตรายนั้นสนใจบริการใน
เว็บไซต์ของคุณจริงๆ หรือไม่


เพราะฉะนั้น เราจึงขอแนะนำให้คุณใช้บริการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click ควบคู่ไปกับ
การออกแบบ และจัดสร้างเว็บไซต์เหมาะสม และสอดคล้องกับหลักการทำงานของ Search Engine ต่างๆอย่าง
ต่อเนื่องเพื่อ พัฒนาผลการค้นหาเว็บไซต์ใน google ซึ่งการออกแบบ และจัดสร้างเว็บไซต์เหมาะสม และสอดคล้อง
กับหลักการทำงานของ Search Engine ต่างๆ นั้น คุณสามารถทำได้ด้วยตัวของคุณเอง โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้
จ่ายใดๆเลย หรือถ้าหากคุณต้องการความสะดวก และรวดเร็ว คุณก็สามารถใช้บริการของบริษัทที่ให้บริการ search
engine optimization (SEO) ชั้นนำได้


ขั้นตอนในการเข้าใช้บริการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click และ Google adwords

เราขอแนะนำให้คุณทดลองลงทะเบียนเว็บไซต์ด้วย Keyword หลายๆ คำ เพื่อค้นหา Keyword ที่มี
ประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตเข้ามาใช้บริการของเว็บไซต์


ขั้นตอนสำหรับการเข้าใช้บริการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบ pay per click มีดังนี้:
1.ลงทะเบียนเว็บไซต์ และชำระค่าบริการล่วงหน้า
2.รับข้อมูลยืนยันการลงทะเบียนเว็บไซต์
3.เลือกใช้คีย์เวิร์ด และคำอธิบายเว็บไซต์
4.ตรวจสอบจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อประเมินผลของการเลือกใช้คีย์เวิร์ด และคำอธิบายเว็บไซต์
5.ปรับเปลี่ยนงบประมาณให้เหมาะสม และสอดคล้องกับคีย์เวิร์ดที่เลือกใช้

Search Engine ส่วนใหญ่จะยินยอมให้คุณประมูลคำค้นหาเว็บไซต์ หรือคีย์เวิร์ดในราคาเท่าใดก็ได้ เพราะฉะนั้น
คุณจึงสามารถประมูลค้นหาเว็บไซต์หรือคีย์เวิร์ดเพื่อที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับที่ 1 ของการเป็นเว็บไซต์
ผู้สนับสนุน (sponsor listing) ได้ แต่ถ้าหาก Keyword ที่คุณจะทำการประมูลเป็นคำที่ได้รับความนิยมและมีคู่
แข่งขันเป็นจำนวนมาก คุณก็อาจจะต้องใช้เงินมากกว่า 5 เหรียญสหรัฐในการประมูล Keyword คำนั้นๆ
ค่าบริการต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1 คนจึงเป็นข้อมูลที่สำคัญในการวางกลยุทธ์ให้กับเว็บไซต์


เมื่อมีผู้เข้าชมเว็บไซต์เป็นครั้งแรกคุณต้องทำการตรวจสอบให้มั่นใจว่า ผู้เข้าชมเว็บไซต์จะสามารถค้นหาสิ่งที่สนใจได้
และเว็บไซต์ของคุณสามารถโน้มน้าวใจให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์เข้าชมหน้าเว็บไซต์เป้าหมายที่จะก่อให้เกิดพฤติกรรมการซื้อ
หรือใช้บริการ หน้าเว็บไซต์เป้าหมายในที่นี้ หมายถึง หน้าเว็บไซต์ดังต่อไปนี้:

1.หน้าเว็บไซต์สำหรับการสั่งซื้อ
2.หน้าเว็บไซต์สำหรับยืนยันการให้บริการ
3.หน้าเว็บไซต์สำหรับการสั่งจอง
4.หน้าเว็บไซต์สำหรับลงทะเบียนเพื่อเข้าใช้บริการ
5.หน้าเว็บไซต์สำหรับการสมัครเป็นสมาชิก

จากผลการวิจัยของบริษัทที่เชื่อถือได้พบว่า ผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เคยซื้อสินค้า หรือใช้บริการของเว็บไซต์มีโอกาส
จะเข้ามาใช้บริการของเว็บไซต์เป็นครั้งที่ 2 ค่อนข้างสูง ดังนั้น คุณจึงต้องทำการตรวจสอบให้มั่นใจว่าผู้เข้าชม
เว็บไซต์จะสามารถค้นหาสิ่งที่สนใจได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าชมเว็บไซต์




สมัครสมาชิกอมตะ ได้ซื้อสินค้าราคาลดพิเศษและได้ของแท้จากบริษัทโดยตรง ได้ธุรกิจแฟรนไชส์ เน็ตเวิร์ค อีคอมเมิร์ช ลงทุนหลักร้อย มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็ขยายธุรกิจได้ เพราะขยายด้วยเว็บไซต์ที่ทำงานแทนเรา 24 ชั่วโมง ติดต่อสมัครสมาชิกอมตะ ตามเบอร์โทร 080-441-3343 หรือ สมัคร Online คลิกรูปด้านล่างค่ะ


วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วิตามิน E

สิ่งที่ร่างกายขาดไม่ได้แม้แต่วันเดียว
วิตามินอี ความสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
วิตามินเป็นสารอินทรีย์ที่มีอยู่ในอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกายคนเราอย่างยิ่ง ช่วยให้ร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและต่อสู้กับความเจ็บป่วยได้
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์รวบรวมวิตามินได้ประมาณ 13 ชนิด หนึ่งในนั้นได้แก่ วิตามินอี ที่เรามักได้ยินกิตติศัพท์ร่ำลือในด้านการป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ชรา ดังนั้นนอกจากในอาหารแล้ว ยังพบว่ามีการสกัดวิตามินอีมาผสมในเครื่องสำอางหลายชนิด คราวนี้จึงขอพาคุณทำความรู้จักกับวิตามินอี และประโยชน์ต่อร่างกายคนเราให้มากขึ้น


วิตามินอี คืออะไร?
วิตามินอี หรือ โทโคเฟอรอล (tocopherol) เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับเป็นประจำทุกวัน มีลักษณะเป็นน้ำมันสีเหลือง และละลายได้ดีในไขมัน เช่นเดียวกับวิตามินเอ วิตามินดี และวิตามินเค วิตามินอี มีหลายชนิด ได้แก่ แอลฟา เบตา แกมมา และซิกมา โทโคเฟอรอล โดยชนิดที่ออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด คือ แอลฟาโทโคเฟอรอล (alpha-tocopherol)
ประโยชน์ของวิตามินอีต่อร่างกาย
เนื่องจากผนังของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายมีไขมันที่ไม่อิ่มตัวเป็นโครงสร้างหลัก โครงสร้างที่ว่านี้จะถูก ทำลายได้ง่ายด้วยกระบวนการออกซิเดชัน (oxidation) และส่งผลให้เกิดสารอนุมูลอิสระ (free radicals) ชนิดต่างๆ ตามมา ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างภายในเซลล์ที่สัมผัสกับสารอนุมูลอิสระ วิตามินอี เป็นสารต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันและอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ (potent antioxidant) ซึ่งมีผลในการป้องกันการทำลายเซลล์ หรือลดความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ที่มีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระได้ นอกจากนี้ยังมีผลช่วยปกป้องการเสื่อมสลายของเยื่อหุ้มเซลล์ (stabilize) ที่บุอยู่ตามอวัยวะต่างๆ เช่น ผิวหนัง ตา ตับ เต้านม หลอดเลือด และเม็ดเลือดแดง ทำให้อวัยวะดังกล่าวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความคงทนมากขึ้นด้วย

วิตามินอีกับโรคมะเร็ง
คุณสมบัติที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระของวิตามินอี นอกจากจะช่วยป้องกันเซลล์จากการทำลายของปฏิกิริยาออกซิเดชันและการเกิดอนุมูลอิสระแล้ว วิตามินอียังช่วยป้องกันการเกิดสารไนโตรซามีน (nitrosamines) ตัวการหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง โดยเกิดจากการทำปฏิกิริยาของสารจำพวกไนไตรท์ที่มีในอาหารที่รับประทานเข้าไปภายในกระเพาะอาหาร และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอีกด้วย นอกจากนี้การศึกษาในห้องปฏิบัติการพบว่าวิตามินอียังมีผลช่วยยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งได้

วิตามินอีกับการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง
กระบวนการออกซิเดชันของไขมันชนิด LDL (low density lipoprotein) ซึ่งเป็นไขมันชนิดเลวในเลือดจะ มีผลทำให้เส้นเลือดเกิดความเสียหายอย่างมาก มีหลักฐานที่แสดงว่าวิตามินอี มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดกระบวนการที่ว่านี้ และช่วยลดการเกาะตัวกันของเกล็ดเลือด (platelet aggregation) ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจดีขึ้น และยังช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคระบบหลอดเลือดหัวใจ รวมถึงหลอดเลือดสมองด้วย โดยได้มีการศึกษาในประเทศอังกฤษพบว่าคนที่ได้รับวิตามินอีอย่างน้อยวันละ 100 IU หลังการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจจะช่วยป้องกันการสะสมของไขมันที่ผนังเลือดได้ และคนที่ได้รับวิตามินอีประมาณวันละ 400-800 IU อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อยปีครึ่งจะช่วยป้องกันอัตราการเกิดโรคหัวใจวายได้ถึง 77%


วิตามินอีกับโรคเบาหวาน
เชื่อกันว่าสาเหตุที่คนเป็นโรคเบาหวานจะมีการสะสมของสารอนุมูลอิสระเนื่องจากกระบวนการเผาผลาญสารอาหารในร่างกายผิดปกติ นอกจากนี้แล้วยังมีอัตราการตายจากการเกิดโรคแทรกซ้อนจากโรคหลอดเลือดหัวใจได้สูง มีงานวิจัยที่แสดงว่าคนเป็นโรคเบาหวานที่รับประทานวิตามินอีเพียงวันละ 100 IU จะช่วยทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ดี และยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหลอดเลือดอีกด้วย

วิตามินอีกับโรคต้อกระจก
โรคต้อกระจก (cataracts) เป็นความผิดปกติของเลนส์ตาทำให้มองภาพไม่ชัดเจน และอาจตาบอดได้ โดยเชื่อว่าเกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ผิดปกติของโปรตีนในเลนส์ตา มีการศึกษาพบว่าสารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระจำพวกวิตามินอีสามารถช่วยป้องกัน และชะลอการเกิดของโรคต้อกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่พบว่าสารในกลุ่มนี้ไม่ช่วยให้เกิดผลดีได้ในคนที่สูบบุหรี่ โดยพบว่าการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเกิดโรคต้อกระจก อย่างไรก็ดีจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกของสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินอีเกี่ยวกับโรคต้อกระจก

วิตามินอี สารอาหารที่ช่วยชะลอความแก่
สารอนุมูลอิสระจะมีผลทำให้เซลล์เกิดความเสียหายและตายได้ในที่สุด ซึ่งนอกจากจะเป็นสาเหตุทำให้ ร่างกายอ่อนแอและแก่เร็วกว่าปกติแล้ว หากเกิดที่สมองก็จะทำให้มีโอกาสเป็นโรคเรื้อรังทางสมองต่างๆ เช่น โรคสมองเสื่อม (Alzheimer’s disease) โรคพาร์คินสัน (Parkinson’s disease) เป็นต้น จากการศึกษาทางคลินิกพบว่าผู้ที่รับประทานวิตามินอี 1,300 IU ต่อวันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปีจะช่วยชะลอการเกิดโรคสมองเสื่อมจากการอุดตันของเส้นเลือดในสมองได้
วิตามินอีช่วยแก้ไขข้อบกพร่องของระบบสืบพันธุ์
มีการศึกษาพบว่าผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ได้รับวิตามินอีวันละ 800 IU อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน สามารถช่วยลดอาการต่างๆ เช่น อาการร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ เหนื่อยล้า ซึมเศร้า และเจ็บหน้าอกได้ นอกจากนี้ในผู้ชายที่มีระบบสืบพันธุ์ไม่สมบูรณ์ พบว่าเมื่อได้รับวิตามินอี วันละ 200 IU อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน จะมีโอกาสมีบุตรสูงขึ้น เนื่องจากวิตามินอีช่วยลดระดับของอนุมูลอิสระในน้ำอสุจิ จึงทำให้ผนังเซลล์อสุจิแข็งแรงขึ้น และส่งผลให้มีอัตราการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นถึง 30% แต่ก็อาจไม่ปรากฏผลหากคนนั้นเป็นคนสูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำลายความแข็งแรงของอสุจิ และอาจทำให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายเสื่อมโทรมลง

วิตามินอีกับผิวพรรณ
สถาบันโรคผิวหนังหลายแห่งมีการวิจัยพบว่าวิตามินอีช่วยป้องกันผิวจากการไหม้เกรียม ริ้วรอยเหี่ยวย่นและรอยแผลได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานหรือการทาที่ผิวหนังโดยตรง เนื่องจากการเกิดแผลหรือการอักเสบบนผิวหนัง หรือการถูกแสงแดดเผาไหม้จะทำให้เกิดการสะสมของอนุมูลอิสระขึ้น วิตามินอีจะทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำที่ดูดซับสารอนุมูลอิสระก่อนที่จะทำให้เนื้อเยื่อต่างๆ เสียหาย จึงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผนังเซลล์ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงขึ้น และช่วยให้ทนต่อรังสี UV ในแสงแดดได้ดีขึ้น ดังนั้นผู้ผลิตเครื่องสำอางจึงนิยมนำวิตามินอีมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์


จะเกิดอะไรขึ้นหากได้รับวิตามินอีมากเกินไป เนื่องจากวิตามินอีไม่สามารถละลายในน้ำได้ ร่างกายจึงไม่สามารถขับวิตามินอีออกจากร่างกายได้ทาง ปัสสาวะดังเช่นวิตามินซี หรือวิตามินบี โดยร่างกายจะขับวิตามินอีส่วนเกินบางส่วนออกมาทางอุจจาระ ดังนั้นหากรับประทานวิตามินอีมากเกินไปจะสะสมในร่างกาย นำผลเสียคือ อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ไปจนถึงกล้ามเนื้ออ่อนแรง จึงแนะนำว่าไม่ควรรับประทานอาหารเสริมประเภทวิตามินอีมากเกินกว่า 1,500 IU ต่อวัน

อาหารชนิดใดบ้างที่เป็นแหล่งของวิตามินอี? แหล่งอาหารที่มีวิตามินอีอยู่ในปริมาณสูง ได้แก่ นม ไข่ ถั่ว ปลา เนื้อสัตว์ เช่น เป็ด ไก่ น้ำมันพืชต่างๆ(ที่สกัดเย็น) โดยเฉพาะน้ำมันจากจมูกข้าวรำข้าว ผักที่กินใบ เช่น ผักกาดหอม ผักโขม เป็นต้น ถึงแม้ว่าวิตามินอีจะค่อนข้างทนต่อความร้อนและไม่ละลายในน้ำก็ตาม แต่การประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนสูงๆ เช่น การทอด รวมทั้งการเหม็นหืนของน้ำมันก็อาจทำให้วิตามินอีสูญเสีย สภาพไปได้
น้ำมันรำข้าวจมูกข้าว มีวิตามินอีชนิดโทโคเฟอรอล (Tocopherol) ซึ่งเป็นกลุ่มวิตามินอีที่ร่างกายต้องการทุกวัน ดังนั้น การรับประทาน น้ำมันรำข้าวจมูกข้าวอมตะ วันละ 2 - 4 แคปซูล ร่างกายจึงได้รับวิตามินอีอย่างเพียงพอ ทำให้สุขภาพแข็งแรงตลอดไป ในทางกลับกัน หากร่างกายขาดวิตามินอีชนิดนี้อย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้เกิดโรคต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น






สมัครสมาชิกอมตะ ได้ซื้อสินค้าราคาลดพิเศษและได้ของแท้จากบริษัทโดยตรง ได้ธุรกิจแฟรนไชส์ เน็ตเวิร์ค อีคอมเมิร์ช ลงทุนหลักร้อย มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็ขยายธุรกิจได้ เพราะขยายด้วยเว็บไซต์ที่ทำงานแทนเรา 24 ชั่วโมง ติดต่อสมัครสมาชิกอมตะ ตามเบอร์โทร 080-441-3343 หรือ สมัคร Online คลิกรูปด้านล่างค่ะ


วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552

น้ำมันรำข้าวจมูกข้าวดีอย่างไร?

มหัศจรรย์! น้ำมันรำข้าวจมูกข้าว สุขภาพดี ผิวพรรณ สดใส
น้ำมันรำข้าว คือ น้ำมันพืชที่ผลิตจากน้ำมันรำข้าวดิบ ซึ่งสกัดจากรำข้าว มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินอี ในกลุ่มโทโคฟีรอลประมาณ 19-40% และกลุ่มโทโคไตรอีนอล 51-81% และโอรีซานอล (Oryzanol) ซึ่งสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินอีถึง 6 เท่า มีกรดไขมันอิ่มตัว 18% กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fatty Acid : MUFA) 45% กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fatty Acid : PUFA) 37% น้ำมันรำข้าวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL-C)

นอกจากนี้จากการศึกษาวิจัยของนักวิทยาศาสตร์และการแพทย์ ยังพบสารอาหารเพิ่มเติมในข้าวอีกหลายชนิด ช่วยให้การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อต้านโรค
ภัยไข้เจ็บได้ แต่เนื่องจากระยะเวลาในการเก็บรักษา และกรรมวิธีในการปรุงอาหาร ทำให้สารอาหารที่ดี วิตามินแร่ธาตุต่างๆต้องสูญเสียไปจนเกือบหมด จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า คนบางกลุ่มรับประทานข้าวกล้องอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังพบว่าการรักษาสมดุลของร่างกาย กระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การชะลอการเสื่อมโทรมของร่างกาย และการเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย ยังไม่ให้ผลที่ชัดเจน

นอกจากนี้จากการศึกษาวิจัยของนักวิทยาศาสตร์และการแพทย์ ยังพบสารอาหารเพิ่มเติมในข้าวอีกหลายชนิด ช่วยให้การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บได้
1. มีสาร Gamma-Orzanol ช่วยลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ทำให้อวัยวะสำคัญต่างๆ เช่น ตับ ไต หัวใจ สมอง ตับอ่อน และอื่นๆ มีเลือดไปเลี้ยงมากขึ้น และที่เสื่อมสภาพก็กลับฟื้นตัวและทำงานได้อีกครั้งหนึ่ง ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ, โรคตับ, โรคไต,โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้ โรคความจำเสื่อม และ มีสารยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
2. ช่วยลดระดับของ แอล ดี แอล (LDL) คอเลสเตอรอลชนิดก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย
3. ช่วยเพิ่มระดับของ เอช ดี แอล (HDL) คอเลสเตอรอลชนิดมีประโยชน์ต่อร่างกาย
4. ช่วยลดระดับไขมันไตรกรีเซอไรด์ (Triglyceride) ในเส้นเลือด
5. ลดไขมันที่สะสมอยู่ในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น ทำให้ไม่อ้วน
6. ลดความดันโลหิตและลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด ยับยั้งโรคเบาหวานได้ผลดี
7. กรดไขมันไลโนลินิค (Linolenic acid) หรือโอเมก้า 3 บำรุงสมอง ป้องกันภาวะเสื่อมของสมอง อันเป็นสาเหตุของโรคความจำเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
8. กรดไขมันไลโนเลอิค (Linoleic acid) หรือโอเมก้า 6 ช่วยให้ผิวหนังสดใสมีน้ำมีนวล และช่วยระบบสืบพันธุ์ให้ทำงานเป็นปกติ ทำให้ประจำเดือนมาปกติ
9. ช่วยในเรื่องการบำบัดอาการผิดปกติของชาย-หญิง วัยเจริญพันธุ์ ให้ผลดีในการรักษาผู้มีบุตรยาก และสตรีวัยทอง
10. มีวิตามินอีในรูปของโทโคเฟอรอล (Tocopherol) และโทโคไทรอี-นอล (Tocotrienol) ซึ่งจะช่วยยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ สำหรับโรคภูมิแพ้จะบำบัดได้ผลดีมาก
11. สารเซราไมด์ (Ceramide) ช่วยบำรุงผิวพรรณให้นุ่มนวลอ่อนเยาว์ ลบเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่น ด่างดำ ฝ้าและกระ ค่อยๆจางลง
12. ลดภาวะท้องผูก ช่วยลดภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ใหญ่
13. มีสารเมลาโทนิน (Melatonin) ช่วยให้นอนหลับสบาย ช่วยลดอาการเครียด
14. สารอาหารต่าง ๆ
- วิตามินเอ ( บำรุงสายตา ) , บีรวม ( บำรุงเส้นประสาท รักษาปากเปื่อย ปากนกกระจอก ร้อนใน) , เบต้าแคโรทีน ( บำรุงสายตาและสมอง ช่วยให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น) , สารไฟโตสเตอรอล (ลดคอเรสเตอรอลและไตรกรีเซอไรด์ ลดอาการอักเสบ ลดอาการบวม และช่วยสลายลิ่มเลือด ในผู้ที่ป่วยเป็นไขข้ออักเสบ เก๊าท์ จะช่วยได้มาก) , แคลเซียม ( บำรุงกระดูก ) , เหล็ก ( บำรุงเลือด ) , เซเลเนียม (สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อ HIV สารตัวนี้จะช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้เป็นอย่างดี)

แต่เนื่องจากระยะเวลาในการเก็บรักษา และกรรมวิธีในการปรุงอาหาร ทำให้สารอาหารที่ดี วิตามินแร่ธาตุต่างๆต้องสูญเสียไปจนเกือบหมด จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า คนบางกลุ่มรับประทานข้าวกล้องอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังพบว่าการรักษาสมดุลของร่างกาย กระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การชะลอการเสื่อมโทรมของร่างกาย และการเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย ยังไม่ให้ผลที่ชัดเจน




สมัครสมาชิกอมตะ ได้ซื้อสินค้าราคาลดพิเศษและได้ของแท้จากบริษัทโดยตรง ได้ธุรกิจแฟรนไชส์ เน็ตเวิร์ค อีคอมเมิร์ช ลงทุนหลักร้อย มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็ขยายธุรกิจได้ เพราะขยายด้วยเว็บไซต์ที่ทำงานแทนเรา 24 ชั่วโมง ติดต่อสมัครสมาชิกอมตะ ตามเบอร์โทร 080-441-3343 หรือ สมัคร Online คลิกรูปด้านล่างค่ะ


วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552




วิธีการเรียกบอท มาเก็บข้อมูลในเว็บเรา บ่อยๆ
Google และ บอทของ Search Engine อื่นๆ จะไต่ไปตามเว็บต่างๆ เป็นล้านๆ เว็บไซต์ต่อวัน ซึ่งบอทเหล่านี้ส่วนใหญ่จะชอบเว็บที่มีเนื้อหาอัพเดทเสมอ ทันสมัยตลอดเวลา มีการเปลี่ยนข้อมูลบ่อย (url เดิม) ซึ่งก็หมายความว่าเว็บของเรา ถ้าต้องการให้ Google แวะเข้ามาบ่อยๆ เราก็ต้องอัพเดทข้อมูลบ่อยๆ ตามด้วย แต่แค่นี้ยังไม่พอ เรายังมีวิธีอื่นในการเรียกบอท มาเก็บข้อมูลของเราครับ นั่นคือ การ ping sitemap ฮั่นแน่ หลายๆ คน ร้องอ๋อขึ้นมาทันที แล้วมันทำยังไงละครับ มาดูวิธีกันเลย

วิธีการ Ping Sitemaps
1. คุณจะต้องมี sitemap ก่อนนะครับ และต้องจำ url ให้ได้ ปกติจะเป็น http://www.yourdomain.com/sitemap.xml ครับ

2. ใช้คำสั่ง ping sitemaps เพื่อเรียกบอทแต่ละตัวดังนี้ครับ

Google bot : http://www.google.com/ping?sitemap=http://www.your-domain.com/sitemap.xml
Yahoo bot : http://search.yahooapis.com/SiteExplorerService/V1/ping?sitemap=http://www.your-domain.com/sitemap.xml
MSN bot : http://www.moreover.com/ping?sitemap=http://www.your-domain.com/sitemap.xml
ASK bot : http://submissions.ask.com/ping?sitemap=http://www.your-domain.com/sitemap.xml
3. แค่นี้บอทก็จะมาเยี่ยมคุณแน่นอนครับ

ปล. ถ้าคุณใช้ Wordpress ก็ง่ายๆ เลย แค่ไปหาปลั๊กอิน Google XML sitemap generator มาลง แล้ว Activate ใช้งาน ก็เรียบร้อยครับ อ่อ อย่าใช้คำสั่งนี้บ่อยๆ นะครับ แค่เวลาต้องการเรียกเฉยๆ อาทิตย์ละครั้งก็พอ ถ้าคุณดีจริง เดี๋ยวมันก็มาเองครับ

ตรง your-domain.com อย่าลืมใส่ชื่อเว็บของคุณละกัน





สมัครสมาชิกอมตะ ได้ซื้อสินค้าราคาลดพิเศษและได้ของแท้จากบริษัทโดยตรง ได้ธุรกิจแฟรนไชส์ เน็ตเวิร์ค อีคอมเมิร์ช ลงทุนหลักร้อย มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็ขยายธุรกิจได้ เพราะขยายด้วยเว็บไซต์ที่ทำงานแทนเรา 24 ชั่วโมง ติดต่อสมัครสมาชิกอมตะ ตามเบอร์โทร 080-441-3343 หรือ สมัคร Online คลิกรูปด้านล่างค่ะ


ความคิดเห็นเรื่อง SEO


การทำ SEO กับ Google และ Yahoo นั้นไม่ยากแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือใหม่ที่คิดว่าการทำ SEO ขอเพียงมีลิงค์เยอะๆ จิ้มเข้าหาก็เพียงพอจะทำให้เว็บขึ้นอันดับซึ่งไม่ถูกต้องซะทีเดียว ความจริงๆแล้วการทำ SEO คือการทำความเข้าใจกับรูปแบบการจัดอันดับ ไม่มีคำว่าดวง หรือโชคในระบบแห่งนี้ ทุกสิ่งมีที่มาที่ไปเป็นเหตุเป็นผลกันหมด

จากประสบการณ์ตรงของผมที่ตามจีบ Search Engine ยักใหญ่ทั้งสองแห่งนี้ ทำให้ได้พบอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจ และเชื่อว่าหากเราเข้าใจมันก็ไม่ยากที่จะเข้ามาเล่นในสนามรบแห่งนี้ ลองมาดู กันว่ามีอะไรบ้าง

Google เป็นคนใจง่าย ไม่ว่าเราจะเป็นคนยังไง Google ก็มักจะเก็บเราเป็นส่วนหนึ่งในใจเขาตั้งแต่แรกพบ ต่างกับ Yahoo ที่กว่าจะรู้จักเราช่างนานเสียจริง

Yahoo มองคนที่ชื่อ ไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างหน้าตาห่วยแค่ไหน หากเพียงชื่อคุณมันโดนใจ Yahoo ก็มักจะลำเอียงไปหา

Google ไม่ชอบให้ใครมาว่าเขา หากคุณได้ลองเขียน blog ขึ้นมา แล้วเว็บนั้นเขียนเรื่องที่ทำให้เขาต้องเสีย เขาจะทำให้คุณหายไปจากความทรงจำ

Yahoo รักน้อยๆ แต่รักนานๆ หากรักใครแล้วมักจะไม่ค่อยปล่อยให้หายไปไหน ต่างจากพี่ Google ที่ชอบเด็กใหม่ๆ หากมีมาขอให้ได้ลอง

Google นั้นเบื่อง่าย ไม่ชอบอะไรซ้ำๆ หากคุณไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง เอาแต่ทำตามชาวบ้านก็ยากที่เขาจะปลื้ม

Yahoo เข้าข้างเพื่อนตัวเองอย่างเห็นได้ชัด หากคุณเช่า Host กับเขาก็เหมือนกับมีเครื่องยนต์ที่ติดเทอร์โบ

Google แยกประเภทของทุกสิ่งออกจากกัน หากเป็น Blog ก็มักจะติดอันดับที่ดีใน Blog search ถ้าอยากเกิดต้องวางแผนให้ดี

Yahoo ยังแยกไม่ค่อยออกมว่าอันไหนคือการ spam ต่างจากกับ Google ที่เก่งกาจเรื่องการจับผิดยิ่งนัก หากจะทำก็ต้องระวังโดนบอกเลิก

Google เข้าใจได้หลายภาษา เหมือนเตรียมตัวมาเพื่อจีบชาวต่างชาติ หากคุณลองค้นหาด้วยคำว่า “บุฟเฟ่ต์” จะเห็นว่า เขาไปทำตัวหนาที่ “buffet” เช่นกัน

Google และ Yahoo มีนิสัยไม่อยู่สุข มือไม้ไต่ไปทั่วตามลิงค์ที่เห็น อันไหนที่ยอมให้เสี่ยทั้งสองเข้าไปลูบๆ จับๆ บ่อยครั้ง โอกาสที่เสี่ยจะดันให้เกิดก็มีสูง

หากมาลองเปรียบเทียบระหว่าง Search Engine อย่าง Google และ Yahoo กับมนุษย์เรา ก็ไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป ที่มีทั้งรัก โลภ โกรธ หลง มีการเวียน ว่าย ตาย เกิด ในระบบนี้ หากเราเข้าใจทุกสิ่งที่เขาต้องการ รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา การทำ SEO ก็เหมือนกับการอ่อยเหยื่อให้กับ Google และ Yahoo นั่นเอง

ที่มาบทความ : http://www.afflovers.com/?p=364





สมัครสมาชิกอมตะ ได้ซื้อสินค้าราคาลดพิเศษและได้ของแท้จากบริษัทโดยตรง ได้ธุรกิจแฟรนไชส์ เน็ตเวิร์ค อีคอมเมิร์ช ลงทุนหลักร้อย มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็ขยายธุรกิจได้ เพราะขยายด้วยเว็บไซต์ที่ทำงานแทนเรา 24 ชั่วโมง ติดต่อสมัครสมาชิกอมตะ ตามเบอร์โทร 080-441-3343 หรือ สมัคร Online คลิกรูปด้านล่างค่ะ


การโปรโมทเว็บ



1. เริ่มต้น Adsense

เพื่อนหลายคนคงรู้ดีอยู่แล้วว่าการทำ Adsense เราจะมีหน้าที่เป็น Publisher (ผู้เผยแพร่โคนา) จาก Adwords ที่ Advertiser (ผู้ลงโคนา) ลงไว้กับ Google เพราะฉะนั้นโคนาที่เพื่อนๆ จะได้มาติดที่เว็บของตนเองนั้น ก็จะมาจากผู้ลงโคนาเหล่านี้นั่นเอง ถ้าวันใดไม่มีผู้ลงโคนา วันนั้นจะเป็นวันสิ้นโลกทันที นั่นคือสาเหตุที่เพื่อนพี่ๆ หลายๆ คนในนี้ไม่อยากให้เราทำร้าย Advertiser ด้วยการ แลกคลิ๊ก, โกงคลิ๊ก Private, คลิ๊ก MLM, หรือเข้าร่วมเป็นระบบเครือข่ายที่ทำให้ Advertiser เสียหาย เพราะเมื่อใดที่ Advertiser ได้ทราฟฟิคไม่ดี ที่ไม่บริโภคสินค้าในเว็บเขาเลย เขาจะเอาตังที่ไหนมาลง Adword อีก หลายคนบ่นว่าถ้าวันไหนไม่มีคนลง Adwords แล้ว Adsense จะเอาโคนาที่ไหนมาให้เราลง ไม่ต้องกลัวคับ ถ้าถึงวันนั้นจริงผมจะเป็นคนลง Adwords เอง ถ้าไม่มีคน bid ผมจะลงค่าคลิ๊กให้มันถูกกว่า Nipa อีก เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่า Advertiser ไม่มีวันตายแน่นอน แต่คนที่จะตายคือคนทำ Adsense ปัญหาสำคัญคือราคา bid จะ drop ลงมามาก ทำให้ค่าคลิ๊กซื้อฮอลล์เม็ดนึงยังไม่ได้เลย จุดนี้ล่ะคับเป็นสิ่งที่น่ากังวลที่สุดที่อยากให้เพื่อนมือใหม่หลายคนมีความรับผิดชอบ และคำนึงถึงผู้ลง Adwords กันด้วย ในเมื่อเราทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนสินค้าและบริการของเขา ก็ควรทำให้เขาได้ผลประโยชน์สูงๆ ถ้าสินค้าหรือบริการมันขายได้ มันก็มีกำไรงาม เมื่อมันกำไรงาม มันก็จะมีคนทำธุรกิจนั้นแข่งกัน เมื่อมันแข่งกันมันก็จะ bid ราคา Adwords สูงขึ้น มูลค่าคลิ๊ก Adsesne เราก็จะสูงขึ้นตาม (ถ้าใครอ่านแล้วไม่เข้าใจก็สมมุติว่าเข้าใจละกันนะคับ)

2. เลือกทำเว็บแบบไหน ใช้ Keywords อะไร

เพื่อนหลายคนแนะำนำว่าควรเลือกทำในเรื่องที่ตนเองชื่นชอบ ผมขอเสริมให้นิดนึง ว่าไอเรื่องที่เราชอบนั้นมันต้องทำเงินได้ด้วย และได้เยอะด้วย (ได้อย่างเดียวไม่พอต้องเยอะด้วยนะ สำคัญ!) หากเพื่อนๆ อยากรู้ว่าเรื่องไหน Keywords อะไรราคาเท่าไร ผมก็แนะนำ Tool ง่ายๆ ใช้พอเช็คราคาคร่าวๆ ได้ที่นี่คับ https://adwords.google.com/select/KeywordToolExternal ใส่ Keywords ลงไปเลยคำละ 1 บรรทัด แล้วลองให้ Tool มันแนะนำดู สิ่งที่เราจะได้ก็คือแนวโน้มด้านราคาของคำนั้นๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์และวางแผนการทำ Adsense ของเราคับ

เพื่อนอีกหลายคนยังแนะนำอีกว่าไปทำเว็บต่างประเทศเหอะ คลิ๊กแพง..เว็บจองโรงแรม คนนู๊นก็ทำ รายได้ดี... ผมก็สนับสนุนคับ แต่อยากเตือนเพื่อนมือใหม่หลายๆ คนไว้ว่าในด้านของ SEO และ Web App. สำหรับการแข่งขันกลุ่มพวก เว็บท่องเที่ยว, ซอฟต์แวร์, รีวิว และโรงแรมนี้แรงมาก หลายคนที่ยังไม่เคยทำ SEO ใน .com เป็นพื้นฐาน ควรเลี่ยงไปทำเว็บอื่นดีกว่าคับ เพราะพวกนี้มันไม่ได้แข่งกันแต่ .com เท่านั้น ยกตัวอย่างก็มี .co.uk .ca ที่เรียกค่าคลิ๊กแพงๆ ให้เราได้ แต่ก็ยังมีคู่แข่งที่ทำ SEO รอสอยเราอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน

ฉะนั้นตรงจุดนี้จึงอยากให้เพื่อนๆ ลองวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เราถนัด เราทำได้ และมันมีโอกาสทำเงินได้สูง และโอกาสนั้นต้องไม่ซ้ำกับคนส่วนมาก ที่พบเห็นคือหลายๆ คนประสบความสำเร็จในธุรกิจ Keywords เหล่านั้น แล้วเราก็ไปทำบ้าง ... ซึ่งบางทีเราอาจจะหันไปทำในช่วงที่คำนั้นอยู่ในช่วงแข่งขันสูง (สู้ได้ยาก) หรือช่วงขาลง (ทำเงินไม่ได้) และก็มักจะเห็นความผิดหวังตามมากับหลายๆ คนเสมอ ที่เดินทางผิด

3. วิเคราะห์คู่แข่ง

ได้ Keywords หรือเรื่องที่จะทำเว็บไซต์เราแล้วทีนี้ก็มาดูคู่แข่งบน Search Engine คับ ใช้ Keywords ที่เลือกค้นเข้าไปดูเลย แล้วดูทุกเว็บตั้งแต่หน้า 1 ไปจนถึงหน้า 2-3 แล้วก็วิเคราะห์ว่าเรามีระบบดีๆ แบบนี้ใช้ไหม เว็บเขาใหญ่เพียงใด ฐานลิงค์เป็นยังไง SEO เว็บเขาเป็นยังไง พอสู้ได้ไหม ถ้าคิดว่าสู้ไม่ได้ก็เลือกไปทำคำอื่นๆ แต่ถ้าดูแล้วจนหน้า 3 ก็คิดว่าพอสู้ได้ หน้า 4, 5 ... ไม่จำเปนต้องดูก็ได้คับ เพราะมันคงไม่เก่งกว่าไอพวกหน้า 1 2 3 แน่ (ถ้าเก่งมันก็ขึ้นไปแล้วใช่ป่ะ)

อ้างอิง
พวกเครื่องมือที่ใช้ทำ SEO วิเคราะห์คู่แข่งคร่าวๆ ก็เป็น Add-on ของ Firefox นะคับ เช่น SEO for Firefox


http://tools.seobook.com/firefox/seo-for-firefox.html


ตัวนี้เป็น SEO Quake คับ คล้ายกัน ใช้นาน ใช้ทน แต่แม่มโหลดกาจาย


https://addons.mozilla.org/en-US/firefox/addon/3036


ตัวนี้เป็น Kgen ช่วยวิเคราะห์ความหนาแน่นของคำหรือ content ในหน้าเว็บเพจ หลายๆ คนไม่ได้ใช้แต่ผมต้องใช้เวลาเขียนเว็บให้ลูกค้าที่ต้องการนำไปทำ SEO ต่อ สำหรับในแง่ Technicial Design ฝั่ง Server หรือโครงสร้าง HTML/XHTML ที่เราคาดว่าจะให้ Robots วิ่งมาเจออะไรบ้าง ก่อน-หลัง ตรงนี้เราสามารถสลับตำแหน่ง Content หรือป้อนข้อมูลอุดทางตามนิสับ Robots จากประสบการณ์เขียนเว็บที่เรามีมาได้ โดยขณะที่ Output หน้าเว็บแสดงผลเหมือนกัน สำหรับในแง่ SEO ทูลตัวนี้ก็ช่วยวิเคราะห์คำได้ดีพอสมควรคับ


https://addons.mozilla.org/en-US/firefox/addon/4788



4. ตลาดเราอยู่ที่ไหน

อยู่ที่ tarad.com คับ (อันนี้ไม่เกี่ยวคับแค่แซวๆ) ... ตรงนี้เหมือนเป็นจุดกำหนดรายได้ของเราเลยก็ว่าได้ ก็คือเราทำเว็บเนื้อหาเหล่านี้มาสำหรับใคร กลุ่มไหน เราจะได้เลือกทำ SEO เฉพาะจุดได้ถูกต้องด้วยคับ ข้อนี้ขอพูดสั้นๆ พอ เพราะหลายคนคงตระหนักเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว

5. โปรโมทเว็บไซต์อย่างไร

สัมพันธ์กับข้อ 3 นะคับ การทำ SEO แบบไม่เหนื่อยเกินไปก็คือควรเลือกโปรโมทเว็บไซต์ให้ทุกที่ ถูกเวลา ยกตัวอย่างเราทำเว็บไซต์เนื้อหามาเพื่อวัยรุ่น เราก็ไปหาแหล่งวัยรุ่นพวก hi5, twitter, facebook, multiply, myspace อื่นๆ หรือสถานที่ๆ คาดว่ากลุ่มเป้าหมายเรามักจะชอบเล่นเราก็ไปแจมด้วยเพื่อโปรโมทเว็บไซต์ไปในตัว การโปรโมทเว็บไซต์ที่ดีก็ควรได้ทราฟฟิคกลับมาจากที่ๆ เราโปรโมทเอาไว้ด้วย การ spam มั่วๆ ที่ไม่ช่วยให้เราได้ทราฟฟิคคนเลยนอกจากบอท บางทีมันก็ทำให้เราเหนื่อยเกินไปโดยได้ผลตอบแทนกลับมาไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร (ซึ่งหลายคนก็กำลังเป็นอยู่ใช่ไหม)

ช่องทางโปรโมทเว็บไซต์ช่องทางอื่นก็มีมากมาย นอกจาก SEO ก็มีการโฆษณา ผ่านสื่อออนไลน์, วิทยุ, หนังสือ, นิตยาสาร, poster และตามงานต่างๆ ที่เราพอทำได้ จริงๆ มีวิธีโปรโมทเยอะแยะมากกว่าทำ SEO นะคับ บางทีการตามคนอื่นมากไป มันก็ทำให้เราไม่พัฒนาได้เช่นกัน

บางเว็บไซต์ก็พิมพ์เสื้อออกแจกสมาชิกนะคับ ส่งฟรีทั่วประเทศ ข้างหลังเสื้อเป็นชื่อโดเมน มันใส่ไปที่ไหน คนก็เห็น ก็เป็นการโปรโมทเว็บทั่วประเทศที่ไอเดียดีอีกอย่างหนึ่ง

6. Social Network แนวคิด Web 2.0-3.0

เมื่อเว็บไซต์เราทำเสร็จแล้ว มีการโปรโมทที่ดีแล้ว มีรายได้ มีเป้าหมายบ้างแล้ว การพัฒนาเว็บไซต์ตามแนวคิด Social Network นี้เป็น Step ที่ทำให้เราก้าวสู่ Network ที่แข่งแกร่งได้ การทำเว็บไซต์ใดๆ ที่ทำให้คนเข้ามาแล้วเข้ามาอีก นี่คือความสำเร็จในข้อ 6. ที่ผมกำลังพูดถึงนี้ จริงๆ ผมว่าเว็บบอร์ดธรรมดาก็ถือเป็นเว็บ 2.0 และทำให้คนเข้ามาแล้วเข้ามาอีก มีส่วนร่วมที่ดีได้ แต่นั่นก็ยังไม่พอสำหรับอนาคตกับเว็บที่มองการไกล การริเริ่มทดลอง Web 3.0 กับ Application บนเว็บหรือ Script บางตัวที่ไม่เหมือนใคร เป็นการสร้างความแตกต่าง และเป็นจุดขายที่ดีในปัจจุบันตามนิสัย ผู้ใช้งาน, คนเล่นเว็บไซต์ ที่มีการพัฒนาสูงขึ้น ลำพังเว็บบอร์ดมีเพียงการพูดคุยสื่อสารกันอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนบางกลุ่มที่หันไปเล่นเว็บไซต์ที่เทคโนโลยีเหนือกว่า ที่สร้างความสะดวกให้กับผู้ใช้งานมากที่สุด มีการวิเคราะห์ลักษณะนิสัย ความชอบเป็นรายบุคคล และเก็บข้อมูลพร้อมนำเสนอเนื้อหาที่บุคคลนั้นๆ ชอบได้

เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ

การทำเว็บไซต์จริงๆ ผมเข้าใจว่าบางเว็บไม่ได้เขียนวันเดียวเสร็จ บางเว็บใช้เวลาทำและพัฒนาเป็นปี แต่สำหรับรายได้นั้นบางคนก็รอเป็นปีไม่ไหว ผมเลยไม่อยากให้ซีเรียสเรื่องทำเว็บมากนัก ปัจจุบันระหว่างคนทำเว็บกับทำ SEO ผมเชื่อว่าคนทำ SEO รายได้มากกว่านะคับ และผมก็เชื่ออีกว่าคนทำเว็บเก่ง แต่ SEO ไม่เก่ง สู้คนที่ทำ SEO เก่ง แต่ทำเว็บ ไม่เก่ง ไม่ได้เลย เพราะผมเชื่อว่ารายได้เราก็มาจากการขาย การ present ตัวเอง หากเก่งแต่ไม่มีใครรู้ัจักก็ย่อมไม่เกิดรายได้ ... เว็บไซต์เราก็เช่นเดียวกันคับ

เป้าหมายสำคัญที่ผมอยากแนะนำเพื่อนที่หัดทำ Adsense ก็คือการทำเพื่อให้เกิดรายได้ ขยันโปรโมทให้มากกว่าขยันทำเว็บ เว็บจะสวยหรือไม่สวยไว้แต่งทีหลังก็ได้ แต่อันดับจะสวยนี่มันแต่งกันยาก แม้เว็บยังทำไม่เสร็จก็โปรโมทรอไว้ก่อนเลย ออก Start ก่อนได้เปรียบเสมอ อย่างการทำ Link Wheel เหมือนที่เพื่อนๆ ในบอร์ดนี้แนะนำมาก็ช่วยได้เยอะนะคับ บางคนหัวไวหน่อยก็เอาไปดัดแปลงให้ wheel มันได้อารมณ์ที่เต็มศักยภาพที่ดีกว่าก็แล้วแต่เทคนิคกันไป

อ้างอิง การทำ SEO ด้วย Link Wheel


http://www.thaiseoboard.com/index.php?topic=85517.msg1069530



สำหรับวิธีการเช็คลิงค์ง่ายๆ ว่าลิงค์ไหนแรงๆ ก็เช็ค Y! Page Link ได้จาก SEO for Firefox นะคับ ผมเองก็มั่วๆ ผมมักจะเดาว่าลิงค์กลับที่มีรายชื่ออยู่หน้าแรกๆ มักจะเป็นลิงค์คุณภาพของช่วงนั้นๆ เสมอ สำหรับเว็บใหม่ เืพื่อนๆ ก็ลองเล่นเว็บบอร์ดสัก 2-3 บอร์ดแล้วลองใส่ลิงค์กับลายเซ็นต์ลิงค์มาเว็บตัวเองดู และก็ไปเขียนบล็อกลิงค์มา และก็ไปซับมิท หรือหาลิงค์จากที่อื่น หลายๆ รูปแบบ แล้วค่อยมาเช็คดูว่าแบบไหนมันคุณภาพ ก็ค่อยเน้นการหาิลิงค์จากรูปแบบนั้น อะไรที่ทำแล้วเหนื่อยฟรีด้อยคุณภาพก็พยายามลดๆ มันไป เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่าหรือหาวิธีใหม่ๆ ในการพัฒนาศักยภาพด้าน SEO ของตนเอง นำความรู้จากแหล่งๆ อื่นๆ มาดัดแปลงทดลองทำดูบ้าง ดีกว่าไปทำตามชาวบ้านเขาโดยที่เราไม่รู้อะไรเลยนะคับ

คู่มือภาคผนวกส่วนตัวของผมนะคับ (คิดเอง) ที่จำเป็นๆ ก็เห็นจะมี
Bot - ความแรงของบอท ผมไม่ได้เขียน script เช็คการเข้าออกของบอทเหมือนเว็บ bookmark ให้ยุ่งยากนะคับ ผมดูจาก SEO Quake Toolbar คับ ว่าเว็บเพจหน้านั้นที่เราจะทำ SEO มันมีอัตราการแคชเฉลี่ยทุกวัน หรือทุกๆ กี่วัน ก็พอให้เราเดาๆ ได้แล้วว่าบอทหน้านั้นที่เรารับมามันแรงหรือเปล่า เพราะหลายคนคงไม่รู้ว่าภาพรวมของอัตราการแคชนี้มันบ่งบอกได้ด้วยว่า ลิงค์เราที่อยู่ในเว็บอื่นมันออกทะเลไปหรือยัง (คือมี index แต่บอทไม่แรงแล้ว) หลายคนรู้ว่าได้ลิงค์ แต่ไม่รู้ว่าได้ลิงค์เพื่อ?
Back Link - เพื่อนหลายคนเวลาวิเคราะห์คู่แข่งมักจะดูจากจำนวน BL เป็นหลัก ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่องค์ประกอบที่ดีไปทั้งหมดสำหรับการตัดสินใจประเมินค่าคู่แข่งสูงเกินไป บางทีเว็บเพจ BL 100 ก็สู้เว็บเ่พจ BL 30,000 ได้สบายๆ ของมันไม่แน่นอน เพียงแต่เราต้องมีประสบการณ์วิเคราะห์รายละเอียด
Trust Rank - อันนี้ผมว่าเป็นนิยามที่ไม่มีตัวตน แต่เห็นผลได้ด้วย BL น้อยกว่า แต่สามารถไต่อันดับขึ้นได้ดีกว่าเว็บที่มี BL มากแต่ Trust Rank น้อย ถ้าให้บอกความแตกต่างคงประมาณว่า spam link ไป 1 อาทิตย์อันดับขึ้นนิดเดียวเอง กับ เขียนรีวิวเนื้อหาดีๆ ไม่กี่บทความ 1 อาทิตย์อันดับพุ่งเห็นผล ถ้าจะให้เลือกว่าควรทำแบบไ่หนดีกว่ากัน ผมคงตอบได้เพียงว่า ตอนนั้นคุณต้องการบอท หรือ ความสัมพันธ์ของเนื้อหาล่ะ

ตัววัดผลที่ขัดกับเหตุผลที่ทำได้ เพื่อนๆ ที่นิยมขยันๆ ถึกๆ สร้างลิงค์กาจาย เคยเช็คแคชหน้าเว็บตัวเองที่ลิงค์เข้ามาป่ะคับ มันแคชบ่อยขึ้นหรือเท่าเดิม ถ้าเท่าเดิมก็ใช้วิธีอื่นเถอะคับ เพราะปกติลิงค์คุณภาพดีๆ เข้าเว็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เว็บเพจมันจะต้องแคชบ่อยขึ้นจนมาแคชทุกวัน

วิธีทำ SEO ของผมนะคับไม่เรื่องมาก ผมใช้แค่ บอทเยอะที่สุดเท่าที่เว็บจะรับได้จากจำนวน backlink ที่คาดว่าจะไม่โดนแบน (Site Age, Traffic UIP) วิ่งมาเจอ Trust Rank คับ ส่วนวิธีที่จะหาบอทหรือ Trust Rank นั้นมีมากมายผมคงบอกได้ไม่หมด ไม่ว่าจะเป็น bookmark, social network, blog, webboard ล้วนได้หมดคับ หวังว่าตรงนี้คงจะมีประโยชน์นะคับ

สิ่งสำคัญอีกอย่างคือความอดทน ถึก คิดไว้เสมอว่าถ้าทำเว็บแล้วเดือนเดียวมีรายได้ ไม่ได้เป็นกันทุกคน ส่วนมากคนที่ทำแล้วไม่มีรายได้ก็คือเดินทางผิด ไม่รู้จักวางแผน

สิ่งที่ผมคิดว่ามันอยู่เหนือสิ่งอื่นใด นอกจากความขยัน อดทน ความรู้ โอกาส แล้วก็คือการรู้จักวิเคราะห์และประเมินสิ่งที่เราจะทำคับ ถ้าวิเคราะห์ผิดต่อให้ขยันยังไงมันก็เหนื่อยฟรี หรือไม่ก็ได้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่าเหนื่อยอ่ะคับ

ปัจจุบันการทำเว็บตามคนอื่นเป็น Feel ที่กำลังติดเป็นกระแสมาแรงมาก และการที่ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่น ก็เยอะติดกระแสไม่แพ้กัน ผมเข้าใจว่าบางคนก็ไม่เก่ง บางคนเก่งคนละด้าน มีความรู้ต่างกัน บางทีต้องอาศัยกัน บางทีฉายเดี่ยว ถ้าเรารู้จักประมาณตัวเองว่าเราสู้ Keywords ไหนได้บ้างและเลือกทำคำนั้น ผมว่าสำเร็จได้ไม่ยากนะคับ ดีกว่าทำตามคนอื่นแต่ไม่สำเร็จเลย ยิ่งไม่อดทนด้วยแล้วก็ ตกม้าตายได้แบบสบายๆ เลยคับ ผมเองก็เป็นบ่อยแต่ก่อน เลือกทำคำยากๆ ไปแข่งกะฝรั่ง เด๋วนี้รู้ตัวเองแล้วว่าไม่เก่ง ก็พอเลือกคำง่ายๆ ที่คิดว่าตัวเองทำได้ ก็เลยนำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังคับ อย่างน้อยก็น่าจะทำให้เพื่อนๆ หลายๆ คนเริ่มต้นเดินทาง Adsesne ได้ดีกว่าผมคับ เพราะผมออกทะเลไปแล้ว

ขอขอบคุณ Kobsoft@Thaiseoboard.Com



วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

LINK

สายงานโตเร็วที่สุดบนเน็ต

อธิบายเรื่องโรคหัวใจ

Heart Disease - Coronary Artery Disease (Part 1 of 3)



Heart Disease - Coronary Artery Disease (Part 2 of 3)



Heart Disease - Coronary Artery Disease (Part 3 of 3)







สมัครสมาชิกอมตะ ได้ซื้อสินค้าราคาลดพิเศษและได้ของแท้จากบริษัทโดยตรง ได้ธุรกิจแฟรนไชส์ เน็ตเวิร์ค อีคอมเมิร์ช ลงทุนหลักร้อย มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็ขยายธุรกิจได้ เพราะขยายด้วยเว็บไซต์ที่ทำงานแทนเรา 24 ชั่วโมง ติดต่อสมัครสมาชิกอมตะ ตามเบอร์โทร 080-441-3343 หรือ สมัคร Online คลิกรูปด้านล่างค่ะ




Heart Attack






สมัครสมาชิกอมตะ ได้ซื้อสินค้าราคาลดพิเศษและได้ของแท้จากบริษัทโดยตรง ได้ธุรกิจแฟรนไชส์ เน็ตเวิร์ค อีคอมเมิร์ช ลงทุนหลักร้อย มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็ขยายธุรกิจได้ เพราะขยายด้วยเว็บไซต์ที่ทำงานแทนเรา 24 ชั่วโมง ติดต่อสมัครสมาชิกอมตะ ตามเบอร์โทร 080-441-3343 หรือ สมัคร Online คลิกรูปด้านล่างค่ะ


Neck Pain: Cervical Spine & Disc Anatomy






สมัครสมาชิกอมตะ ได้ซื้อสินค้าราคาลดพิเศษและได้ของแท้จากบริษัทโดยตรง ได้ธุรกิจแฟรนไชส์ เน็ตเวิร์ค อีคอมเมิร์ช ลงทุนหลักร้อย มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็ขยายธุรกิจได้ เพราะขยายด้วยเว็บไซต์ที่ทำงานแทนเรา 24 ชั่วโมง ติดต่อสมัครสมาชิกอมตะ ตามเบอร์โทร 080-441-3343 หรือ สมัคร Online คลิกรูปด้านล่างค่ะ


สมรรถภาพทางเพศเสื่อม (www.amatamlm.com)






สมัครสมาชิกอมตะ ได้ซื้อสินค้าราคาลดพิเศษและได้ของแท้จากบริษัทโดยตรง ได้ธุรกิจแฟรนไชส์ เน็ตเวิร์ค อีคอมเมิร์ช ลงทุนหลักร้อย มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็ขยายธุรกิจได้ เพราะขยายด้วยเว็บไซต์ที่ทำงานแทนเรา 24 ชั่วโมง ติดต่อสมัครสมาชิกอมตะ ตามเบอร์โทร 080-441-3343 หรือ สมัคร Online คลิกรูปด้านล่างค่ะ


โรคนิ่ว (www.amatamlm.com)






สมัครสมาชิกอมตะ ได้ซื้อสินค้าราคาลดพิเศษและได้ของแท้จากบริษัทโดยตรง ได้ธุรกิจแฟรนไชส์ เน็ตเวิร์ค อีคอมเมิร์ช ลงทุนหลักร้อย มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็ขยายธุรกิจได้ เพราะขยายด้วยเว็บไซต์ที่ทำงานแทนเรา 24 ชั่วโมง ติดต่อสมัครสมาชิกอมตะ ตามเบอร์โทร 080-441-3343 หรือ สมัคร Online คลิกรูปด้านล่างค่ะ


โรคเข่าเสื่อม (www.amatamlm.com)






สมัครสมาชิกอมตะ ได้ซื้อสินค้าราคาลดพิเศษและได้ของแท้จากบริษัทโดยตรง ได้ธุรกิจแฟรนไชส์ เน็ตเวิร์ค อีคอมเมิร์ช ลงทุนหลักร้อย มีโอกาสสร้างรายได้หลักล้าน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ก็ขยายธุรกิจได้ เพราะขยายด้วยเว็บไซต์ที่ทำงานแทนเรา 24 ชั่วโมง ติดต่อสมัครสมาชิกอมตะ ตามเบอร์โทร 080-441-3343 หรือ สมัคร Online คลิกรูปด้านล่างค่ะ